ท่องเที่ยว-อาหาร » ดันท่องเที่ยวสายมูชูสุขภาพเส้นที่ 3 แบบเป็นสับปะรด

ดันท่องเที่ยวสายมูชูสุขภาพเส้นที่ 3 แบบเป็นสับปะรด

31 กรกฎาคม 2024
12325   0

ดันท่องเที่ยวสายมูชูสุขภาพ เส้นที่ 3 แบบเป็นสับปะรด

               นักท่องเที่ยว คณะมัคคุเทศก์ จำนวน 20 ท่าน ร่วมเดินทางพร้อมด้วย นางเชิดทรง ฤทธิ์จิตเพียร ผู้อำนวยการกองการท่องเที่ยวและกีฬา อบจ.เชียงราย,   ตัวแทนจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน)หรือ อพท.และ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย,  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย เพื่อพิสูจน์เส้นทางการท่องเที่ยวชุมชนเส้นทางรอง เส้นที่ 3 เส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตามรอยเลื่อน 5 รอยเลื่อน ได้แก่รอยเลื่อนแม่จัน รอยเลื่อนแม่อิง รอยเลื่อนแม่ทา รอยเลื่อนพะเยา และรอยเลื่อนแม่ลาว ตามโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดเชียงราย “ 3 พี่น้องท้องถิ่นรวมใจ สู่ เชียงรายเที่ยวได้ทั้งปีมีดีทุกเดือน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้มีการทดสอบแส้นทางมาแล้ว 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1 : “เส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเสน่ห์ชาติพันธุ์เชียงราย บ้านผ้าหมี , เส้นทางที่ 2 ท่องเที่ยวอุทยานธรณีเชียงราย Chiangrai GeoPark    ซึ่งแต่ละเส้นทางใช้เวลาในการท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน

             

  เส้นทางท่องเที่ยวเส้นที่ 3 เป็นเส้นทางที่มีความโดดเด่นในด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพผสมผสานกับความเชื่อของชาวชุมชนพื้นถิ่นชาวลั๊วะและม้ง  ที่ทำให้สายมูถูกใจ

             

โดยในช่วงเข้าของวันแรก คณะได้เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลนางแล(แหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านปูคา  ที่ตั้งอยู่ตำบลนางแล  เพื่อฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับอาหารเพื่อสุขภาพจากผลไม้ขึ้นชื่อของตำบล นั้นคือ สับปะรดนางแลพืชเศรษฐกิจแบรนด์เชียงราย

ที่มีการนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นข้าวผัดสับปะรด แกงคั่วสับปะรด ยำสับปะรด ปลานึ่งยัดใส้สับปะรด น้ำสับปะรดโซดา พร้อมกับร่วมกันรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย

ก่อนที่คณะจะได้ไปเยี่ยมชมไร่สับปะรด เรียนรู้วิธีการเลือกซื้อสับปะรด สับปะรดนางแลมีลักษณะอย่างไร รสชาติหวาน กรอบและฉ่ำ สับปะรดน้ำหนึ่ง น้ำสองและน้ำสาม มีความแตกต่างกันอย่างไร  พร้อมชิมชาสับปะรดที่กล่าวได้ว่าจะทำให้คุณไม่ลืม ทั้งนี้ ชาสับปะรด มีสรรพคุณ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกายให้แข็งแรง, ช่วยย่อยอาหารประเภทเนื้อและเสริมการดูดซึมอาหารได้ดี, ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง, มีส่วนช่วยดูแลช่องปากให้แข็งแรงและช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน

จากนั้นคณะได้เดินทางไปยังวิสาหกิจชุมชนกระดาษใบสับปะรด บ้านป่าซางวิวัฒน์ ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงรายเยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชนจากแบรนด์เชียงราย ชมการผลิตกระดาษใบสับปะรดและผลิตภัณฑ์ต่างๆที่แปรรูปจากกระดาษใบสับปะรด เช่นกระเป๋า กรอบรูป  การ์ดอวยพร อื่นๆ รวมไปถึงขนมที่แปรรูปมาจากสับปะรดนางแล

         

ช่วงบ่ายคณะได้เดินทางไปยัง “โฮงฮอมผญ๋า โฮงยาหมอเมืองล้านนา” ตั้งอยู่ บ้านขัวแตะ ม.12  ตำบล นางแล อ.เมือง เชียงรายที่ขึ้นชื่อเรื่องการนวดบำบัดโรคแบบล้านนาโบราณ  โฮงยาหมอเมืองล้านนา แห่งนี้ พระเมธาวินทร์ แสนธิ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ตุ๊เม (ปัจจุบันได้มรณภาพแล้ว)  เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นและเป็นผู้ฝึกสอนให้กับชาวบ้านในระแวกนั้นเพื่อสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน

 ซึ่งวิชาแพทย์ทางเลือกแห่งล้านนาโบราณนั้นจะใช้พืชสมุนไพรในการรักษา ผ่านวิธีรักษาแบบพื้นบ้านหลากหลายรูปแบบ เช่น อาทิ การตอกเส้น,แช่เท้า,การย่ำขาง โดยใช้ไฟในการบำบัดอาการปวดเมื่อยตามตัว  โดยใช้เท้าชุบน้ำยา (น้ำไพลหรือน้ำมันงา) แล้วไปย่ำลงบนขาง(ถ่านร้อนๆ)ที่เผาไฟจนร้อนแดง แล้วจึงไปย่ำบนร่างกายหรืออวัยวะของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด พร้อมกันนี้ที่นี้ยังมีการนั่งสุ่มอบสมุนไพรและการจำหน่ายสมุนไพรตากแห้งและแปรรูปเพื่อนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาบำบัดได้นำกลับไปใช้

          

ส่วนวันที่สองถือเป็นเส้นทางที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้นักเดินทางเนื่องจากจุดหมายปลายทางนั้นจะทำให้ทุกท่านต้องประหลาดใจกับความงามของธรรมชาติ ผู้คนชาวลั๊วะและม้งที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของพวกเขาไว้อย่างเหนียวแน่น และเรื่องเล่าขานพระสิงห์ 1 หินแร่เหล็กไหล สถานที่แห่งนี้คือ “สำนักสงฆ์ลั๊วะ 14 หลังคา” อยู่บนเขาสูงในเขตพื้นที่ บ้านผาแตก หมู่ 12  ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน เชียงราย ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงราย 55.2 กิโลเมตร

ที่นี้ท่านจะได้พบกับ พระสิงห์ 1 หินแร่เหล็กไหล ที่มีเรื่องเล่าขานความอภินิหารถึงความเป็นมาของพระสิงห์องค์นี้ กล่าวคือเมื่อประมาณปลายปี 2560 ครูบาบุญปั๋น ชยานันโท เจ้าสำนักสงฆ์ ได้ให้รถแบ็กโฮปรับหน้าดินสร้างศาลาสวดมนต์ และได้พบหินก้อนหนึ่งโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาจึงให้รถแบ็กโฮมาทำการขุด

ขณะที่ขุดอยู่มีงูใหญ่ 2 ตัวได้โผล่จากดินขึ้นมาบริเวณที่รถแบคโฮที่ทำการขุดดิน ทำให้บุ้งกี้(ที่ตัก)ของรถแบกโฮไปฟาดงูทั้งสองตายลง ครูบาปั๋นจึงนำกระดูกงูมาปั่นเป็นปู่เกษนาคี ย่าแก้วนาคา เพื่อให้ทุกคนได้กราบไหว้บูชา โดยนำมาตั้งไว้บริเวณหลังพระสิงห์หนึ่ง ส่วนรถแบคนั้นเครื่องยนต์ได้เกิดดับลงทุกครั้งที่บุ้งกี้(ที่ตัก)ไปโดนหิน เป็นเช่นนี้ถึง 3 ครั้งและครั้งที่ 4 เครื่องยนต์ดับและสตาร์ทไม่ติด  

ครูบาปั๋นจึงได้ทำพิธีบอกกล่าวถอดถอน  และให้ชาวบ้านและลูกศิษย์ช่วยทำการขุดต่อจนสำเร็จและพบว่าหินดังกล่าวมีสีเขียวคล้ายสีของปีกแมลงทับมีขนาดใหญ่โตมาก จากนั้นได้นำเศษหินไปให้ช่างแกะสลักพระ แถว อ.แม่สายตรวจดู ช่างได้นำแม่เหล็กมาดูดดู พบว่าเกิดการดูดกันขึ้นจึงสันนิฐานว่า หินก้อนนี้มีแร่เหล็กที่ไหลมารวมกัน มีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 30 ตัน ครูบาได้ดำริว่าจะแกะสลักเป็นพระสิงห์หนึ่ง ที่เห็นในปัจจุบัน

โดยใช้เวลาแกะสลัก 45 วันจึงจะสำเร็จ การแกะสลักเกิดการล่าช้าเป็นบางช่วงเกดจากเครื่องตัดหินดับ ตัดหินไม่เข้า ครูบาต้องทำพิธีอีกครั้งเพื่อขออนุญาตต่อองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า บอกฟ้าบอกดิน จนสามารถดำเนินการต่อจนแล้วเสร็จมีพุทธลักษณะที่สวยงาม เป็นที่เคารพนับถือของชาวล้านนาและชาวชาติพันธุ์ทั้งในประเทศและประเทศข้างเคียง

        นอกจากนี้ภายในวัดแห่งนี้ยังมีภาพเขียนเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพระสิงห์ 1 หินแร่เหล็กไหล องค์นี้แก่พุทธศาสนิกชนที่มาปฏิบัติธรรม

ใกล้กันยังมีประตูมหาอภิมหาเศรษฐีที่ให้นักท่องเที่ยวได้รอดเข้าไปเพื่อรับพรอันประเสริฐมั่งมีศรีสุข ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เฮงๆ รวยๆ พร้อมกราบไหว้ พระสิงห์หนึ่ง ท้าวเวชสุวรรณ พระยานาคราช ที่มีการประดิษฐานไว้ ณ บริเวณวัดและพระอุโบสถจตุรมุขหลังใหม่ที่กำลังก่อสร้าง  

      

ที่วัดแห่งนี้ยังมีการนำศาสตร์แพทย์แผนล้านนา ในด้านสมุนไพร นวด ตอกเส้น แช่เท้า ภูมิปัญญาสมุนไพรไทยจากโฮ้งฮอมพญ๋า มาสอนชาวบ้านในพื้นที่มาต่อยอดสร้างรายได้ให้ชุมชนจากการบริการแก่นักท่องเที่ยวที่ปวดเมื่อยตามร่างกาย เส้นยึด วิ่งเวียนศรีษะ ด้วยสนุนไพรแปรรูปเป็นยาหม่อง ยาดม ยาอมฯลฯ นั้นเอง

       

ช่วงบ่ายคณะปิดท้ายด้วยการเดินทางไปยัง “น้ำพุร้อนป่าตึง” ตั้งอยู่บ้านห้วยหินฝน ม.11 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย  น้ำพุร้อนติดอันดับ 1 ใน 7 ของประเทศ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลป่าตึง อ.แม่จัน ที่ดูแลสถานที่แห่งนี้ว่าน้ำพุร้อนแห่งนี้เป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีอุณหภูมิของน้ำอยู่ระหว่าง 70-109 องศาเซลเซียส โดยสร้างฐานคอนกรีตล้อมบริเวณน้ำพุร้อนไว้

 มีลานน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สุงถึง 10 เมตร  มีอาคารอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพบริการให้กับนักท่องเที่ยวด้วยห้องธรรมดาและห้องวีไอพี มีห้องแช่ 8 ห้อง ห้องตักอาบ 6 ห้อง  บ่อแช่เท้า นวดแผนไทย ร้านจำหน่ายสินค้า บริเวณรอบๆ บ่อน้ำร้อน มีสระน้ำ และสวนสุขภาพ ร่มเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ ร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร อาคารศูนย์การเรียนรู้ทางด้านธรณี

ก่อนที่คณะทิ้งท้ายทริปนี้ด้วยการแช่เท้า เพื่อผ่อนคลายจากการอ่อนหล้าสร้างความประทับใจให้กับคณะเป็นอย่างมาก…..