กรมควบคุมมลพิษชี้หมอกควันร้อยละ 70 มาจากเพื่อนบ้าน
สถานการณ์การเกิดไฟป่าทั่ว จ.เชียงราย ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยยังไม่สามารถดับไฟได้ทั้งหมด ศูนย์เหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน (ศบก.ไฟป่า) จ.เชียงราย รายงานว่าพบจากการรับสัญญาณจากดาวเทียม Gistda ในช่วงเช้ามืดยังพบจุดความร้อนหรือ Hot Spot ในพื้นที่ จ.เชียงราย รวมจำนวน 215 จุด โดยอยู่ในเขต อ.พาน มากที่สุดจำนวน 35 จุด อ.เมืองเชียงราย อ.แม่สรวย จำนวน 32 จุด อ.แม่จัน จำนวน 25จุด อ.เวียงเป่าเป้า จำนวน 23 จุด ฯลฯ และเป็นที่น่าสังเกตุว่ามีการเผาในเขตป่านอนุรักษ์มากที่สุด รองลงมาคือป่าสงวนแห่งชาติ และ สปก.แต่ไม่พบว่ามีการเผาพื้นที่โล่งหรือทางการเกษตรเลยแต่อย่างใด
ทั้งนี้ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ยังคงกระจายกำลังกันร่วมกันอาสาสมัครและชาวบ้านเข้าดับไฟและทำแนวกันไฟตามจุดต่างๆ จากนั้นมีการวางเวรยาม ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากจากการที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นำเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าหรือ ฮ.ปักเป้า KA-32 ที่มีกระเช้าตักน้ำขนาด 5,000 ลิตร ขึ้นบินสนับสนุนการดับไฟในพื้นที่ที่ยากต่อการเดินเท้า โดยจะใช้แหล่งน้ำจากหนองบัวใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ต.บ้านดู่ เพื่อดับไฟบ้านหัวฝาย และอ่างเก็บน้ำห้วยเสือ เพื่อดับไฟ ดอยจระเข้
ล่าสุด นายสิทธิชัย เสรีส่องแสง ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติแล้วสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ นายนิพนธ์ จำนงค์สิริศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางพบปะกับชุดปฎิบัติงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุมสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน จ.เชียงราย พร้อมขึ้นบินด้วยเฮลิคอปเตอร์บินตรวจสอบสภาพหมอกควันในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยหลวง พื้นที่ป่าสงวนและป่าอุทยานอีกหลายจุดรวมถึงพื้นที่อุทยานภูชี้ฟ้า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านได้เกิดไฟป่าข้ามแดนมาจาก ประเทศลาว ก่อนลุกลามเข้ามาเผาไหม้ในพื้นที่โดยเฉพาะส่วนยอดภูชี้ฟ้าทำให้ได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง
โดยนายนายปิ่นสักก์ กล่าวว่าจากการเซ็คข้อมูลมลพิษของกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งได้จัดทำตัวโมเดลเพื่อพยากรณ์และศึกษาหมอกควันที่เกิดขึ้นใน จ.เชียงราย ซึ่งมีค่าฝุ่นมากกว่า 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชน พบว่ามีแหล่งฝุ่นควันมาจากประเทศเพื่อนบ้านสูงประมาณร้อยละ 70 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ จะได้เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้านโดยผ่านทุกกลไก เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนแล้ว ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ที่เกิดในประะเทศไทยก็จะเร่งแก้ไขไปพร้อม ๆ กัน
นายปิ่นสักก์ กล่าวว่าโอเดลที่ทางกรมควบคุมมลพิษจัดทำ มีการนำค่าฝุ่นและแหล่งกำเนิดฝุ่่น เข้ามามาวิเคราะห์ จะเห็นได้ว่าค่าฝุ่นในประเทศเหลือเพียงร้อยละ 38 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในส่วนที่เหลือร้อยละ 60-70 นั้นจะมาจากประะเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ซึ่งเมื่อนำเอาข้อมูลแหล่งกำเนิดในประเทศจากสถานตรวจวัดค่าฝุ่น จุดความร้อน ตลอดจนแหล่งกำเนิดฝุ่นจากแหล่งอื่นทั้งจากรถยนต์ การจราจร หรือโรงงานต่าง ๆ มาพยากรณล่าวงหน้า 7 วัน ซึ่งจากการตัดค่าและแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศออกจะเหลือค่าเพียงร้อยละ 38 เท่านั้น
ด้านนายสิทธิชัย กล่าวว่าปัยหาหมอกควันที่เกินมาตรฐานของเชียงรายเกิดจาก 2ทางคือส่วนแรกเป็นหมอกควันข้ามแดน ซึ่งได้มีการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอความร่วมมือประชาชนของแแแต่ละประเทสทั้งลาวและเมียนมา ให้ช่วยการลดหรือหยุดการเผา อีกส่วนคือหมอกควันในพื้นที่ ซึ่งเกิดจากไฟป่าในพื้นที่อนุรักษ์ มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากภาคอื่นจากภาคอีสาน ตลอดจนเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพย์ฯ และกรมป้องกันแและบรรเทาสาธารณภัยมาช่วยในการดับไฟ ในพื้นที่การเกษตรได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจรจากับเกษตรให้งดการเผาและมาช่วยกันดับไฟ
นายสิทธิชัย กล่าวว่าความจริงการดับไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักามีการถ่ายโอนให้กับทาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว แต่เนื่องด้วยงบประมาณ ละบุคคลกรที่มีอยู่อย่างจำกัดและไม่เพียงพอ และยังไม่มีประสบการณ์ในการดับไฟ ดังนั้นในระยะยาวจำเป้นที่จะต้องมีการอบรมให้ความรู้ เสริมงบประมาณและบุคลากรให้ ส่วนพื้นที่เกษตรทางเกษตรจังหวัดก็จะมีการส่งเสริมให้ความรู้ในการแปรรูปวัชพืชทางการเกษตรมาทำปุ๋ยหรือทำด้านอื่น ๆเพื่อลดการเผา ตลอดจนสร้างสิ่งเร้าใจในการเพิ่มรางวัลนำจับให้ผู้แจ้งเบาะแสผู้ลักลอบเผาเพื่อป้องกันและป้องปราม ซึ่งไฟป่าสาเหตุสำคัญมาจากคน ทั้งการเผาป่าหาของป่า ล่าสัตว์ บุกรุกทการเกษตร หรือกระทั่งปัญหายาเสพติดที่ยังเป็นปัจจัยให้มีการเผาป่า ซึ่งผุ้นำชุมชนจะต้องสร้างความตระหนัก เพราะไฟป่าคนจุดไม่กี่คนแแต่ต้องใช้กำลังในการดับไฟหลายพันคน และคนเดือดร้อนนับเป็นล้านๆคน อย่างไรก็ตามสถานการ์ไฟป่ามีแแนวโน้มลดลง แต่จากการคาดการณ์ของกรมควบคุมมลพิษ สถานการ์ไฟแแล้งปีนี้จะยาวนานไปถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งจะต้องมีการควบคุมเฝ้าระวังไฟป่าหมอกควันเดือนเมษายนอีกทั้งเดือน
สำหรับสถานการ์หมอกควันของจังหวัดเชียงราย ทั้งวันยังคงมีฝุ่นควันไฟปกคลุมอย่างหนาแน่น โดยกรมควบคุมมลพิษ ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 ในช่วงบ่ายวันนี้ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย มีค่า 234 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พื้นที่ อ.แม่สาย วัดได้ 240 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่ช่วง 1-2 วันก่อนมีค่าสูงกว่า 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และพื้นที่ อ.เชียงของ 245ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร