ตะลุยข่าว » รอบรั้วทั่วไทย » ฆ่าหมกศพฝังโคลนหญิงลูกสองพบร่องรอยถูกทำร้าย

ฆ่าหมกศพฝังโคลนหญิงลูกสองพบร่องรอยถูกทำร้าย

31 ตุลาคม 2022
5881   0

ฆ่าหมกศพฝังโคลนหญิงลูกสองพบร่องรอยถูกทำร้าย

วันนี้(31 ตุลาคม 2565) นายชัยกร ม่วงกิ่ง เจ้าหน้าที่หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ท่าตอน  ได้รับแจ้งเหตุจากนายสุทิน  แสนฟู่ ผู้ใหญ่บ้านห้วยส้าน หมู่ 10 ต.ท่าตอนว่าพบศพผู้หญิงเสียชีวิตปริศนาและถูกฝังโคลนก่อนนำใบกล้วยมาปิดอีกชั้นหนึ่ง

โดยที่เกิดเหตุอยู่บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านห้วยส้าน หมู่ 10 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่   จึงได้แจ้งทางสถานีตำรวจภูธรแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมประสานทางโรงพยาบาลแม่อาย ก่อนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบนายอาหลู่ผ่า  แสนจัน(สามีผู้เสียชีวิต) อายุ 55 ปี  อยู่บ้านเลขที่  146  หมู่ที่  10  ต.ท่าตอน อ.แม่อาย  จ.เชียงใหม่ สามีผู้ตายได้เล่าว่า ผู้เยชีวิตคือ นางสาวนันทวรรณ    จะโป  อายุ 37 ปี  มีภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่  448/1  หมู่ที่ 4   ต.แม่ทะลบ อ.ไชยปราการ  จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นภรรยาของตน ซึ่งคนที่พบศพภรรยาก็คือตนเอง โดยตนเองและภรรยาด้ายเข้ามาอยู่บ้านห้วยส้านแห่งนี้ ซึ่งวันนี้เวเวลาประมาณ 10.00 น.ตนเองได้รับประทานอาหารกับนางสาวนันทวรรณ ที่กระท่อมหรือห้างกลางนา    ก่อนที่ตนจะแยกกันโดยตนได้นำลูกชายอายุ 9 เดือนและ ลูกสาว อายุ 3 ขวบกลับบ้านซึ่งอยู่ในหมู่บ้าน เมื่อส่งลูกเสร็จประมาณ 11.00น. ได้กลับมาที่กระท่อมเพื่อมาพบกับน.ส.นันทวรรณ แต่ก็น.ส.นันทวรรณ    ได้หายไป  จึงได้ออกตามหาและพบเห็นว่ามีรอยลากสิ่งของบางอย่างจากบริเวณเล้าหมูใกล้กระท่อม   จึงไปบอกหลานชายและช่วยกันตามหา จนไปพบศพผู้ตายถูกฝังดินอยู่ใต้โคลนที่มีใบกล้วยปิดอีกชั้นหนึ่งบริเวณนล่องน้ำระหว่างภูเขา ห่างจากที่พักของผู้ตายประมาณ 400 เมตร  จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ

นายชัยกร  กู้ภัย อบต.ท่าตอนกล่าวว่า  ขณะที่ตนเข้าเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิต พบว่าคนตายสวมเสื้อและกางเกงใน ตัวเดียว บริเวณใบหน้าด้านซ้ายมีร่องรอยบาดแผลถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกและมีเลือดไหลออกทางรูหูด้านขวา จึงนำร่างส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่นิติเวศน์โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำการผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการชีวิตที่แท้ที่จริงต่อไป

ขณะเดียวกันทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมพร้อมนำตัวนายอาหลู่ผ่า  สามีผู้เสียชีวิต  ไปสอบปากคำเพื่อหาข้อมูลในการเชื่อมโยงไปสู่การจับกุมคนร้ายรายนี้   และทำการปิดกั้นพื้นที่เพื่อป้องกันคนร้ายผู้ก่อเหตุหลบหนีออกนอกประเทศไปก่อนทั้งนี้จุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากเขตชายแดนไทย-พม่าเพียงเกิน 6 กิโลเมตรเท่านั้น………..