บ้านเรือนไทย วอด รับอรุณคาดไฟฟ้ารัดวงจรตามเคย
พระเพลิงเผาบ้านเรือนไทยวอดทั้งหลังรับอรุณในพื้นที่จังหวัดนครปฐม สอบถามเจ้าของบ้านบอกมีการลัดวงจรของสายไฟในห้องน้ำชั้นล่างก่อนเปลวเพลิงจะลุกลามขึ้นไปติดบนชั้นสองอย่างรวดเร็วแม้เจ้าหน้าที่จะมาถึงทันเวลาแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นคาดว่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรค่าเสียหายไม่น้อยกว่าสองล้านบาท
วันที่ 4 ตุลาคม 67 เวลาประมาณ 08.20 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนไทย บนพื้นที่ หมู่ 2 ตำบลหนองดินแดง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและแจ้งประสานไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันบรรเทาและสาธารณะภัยเทศบาลนครนครปฐม เทศบาลตำบลหนองดินแดง และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ นครปฐม เพื่อให้ช่วยเข้าเร่งสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง
ในที่เกิดเหตุอยู่ไม่ห่างจากถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครปฐม เป็นบ้านเรือนไทยสองชั้นโดยเพลิงกำลังลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาตั้งแต่เมื่อเช้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังของหน่วยกู้ชีพ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยหลายหน่วยเร่งระดมฉีดน้ำระงับเพลิง ซึ่งกำลังลุกลามตั้งแต่ชั้นล่างขึ้นไปอยู่ชั้นสอง ด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นไม้เก่าซึ่งเป็นเชื้อฟื้นเป็นอย่างดี โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลา 40 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แต่ไม่สามารถที่จะรักษาตัวบ้านเรือนเอาไว้ มีสภาพเป็นไม้เก่าและมีเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในทำให้เป็นเชื้อเพลิงที่ดีสำหรับเปลวไฟ
สอบถาม นาย อุสกรณ์ เกียรติวิชาญกุล อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านที่เพลิงไหม้ เลขที่ 51 หมู่2 ตำบลหนองดินแดง อำเภอ เมืองนครปฐม บอกว่าขณะที่อาศัยอยู่บ้านพักช่วงเช้าได้เกิดมีประกายไฟและมีควันไฟพวยพุ่งออกมาจากห้องน้ำชั้นล่าง โดยช่วงนั้นพักอาศัยอาศัยอยู่เพียงสองคนโดยพยายามที่จะมีการสกัดไฟแล้วแต่ไม่เป็นผลทำให้เชื้อเพลิงได้พุ่งขึ้นติดบนชั้นสองโดยเมื่อรีบแจ้งประสานไปยังหน่วยดับเพลิงเจ้าหน้าที่มาถึงก็ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้เนื่องจากไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบและสอบปากคำทราบว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าได้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องอาจจะเป็นประเด็นที่เกิดสายไฟเก่ารัดวงจรในห้องน้ำ แต่อย่างไรก็ดีจะได้มีการประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเจ็ดเข้าตรวจสอบหลักฐานโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ เบื้องต้นคาดว่าค่าเสียหายจะอยู่ไม่น้อยกว่าสองล้านบาท
