ตะลุยข่าว » รอบรั้วทั่วไทย » สลด!! หนุ่มตกงานเพราะเมียป่วยมะเร็งระยะ 3 ไร้เงินรักษา

สลด!! หนุ่มตกงานเพราะเมียป่วยมะเร็งระยะ 3 ไร้เงินรักษา

11 มิถุนายน 2022
168   0


เพชรบูรณ์ หนุ่มตกงานเพราะเมียป่วยมะเร็ง เผยท้อแท้ จนภรรยาอยากหยุดคีโม เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อนมให้ลูก แต่ผู้เป็นสามี ไม่อยากให้เชื้อมะเร็งลุกลาม พาขี่รถจักรยานยนต์ไป-กลับร้อยเอ็ด ระยะทางกว่า800โล เพื่อทำการรักษา
วันที่10 มิถุนายน 2565 ความคืบหน้าจากกรณีหนุ่มแชร์เรื่องราวสะเทือนใจชาวโซเชียล ถูกเจ้านายไล่ออกจากงานเพราะลางานมาดูแลเมียที่ป่วยเป็นมะเร็งและลูกน้อยวัย6เดือนบ่อยเกินไป โดยผู้ใช้ติ๊กต็อก@golf_army162รายนี้ที่ได้แชร์เรื่องราวชีวิตสุดสะเทือนใจ เมื่อต้องถูกให้ออกจากงานเพราะขาดงานบ่อยเกินไป เนื่องจากเขาต้องกลับบ้านมาดูแลแฟนสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมและลูกน้อยวัย6เดือน ตัดพ้อชีวิตกำลังย่ำแย่เหมือนโดนซ้ำเติมคนรักของชายหนุ่มคนนี้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมเข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่18ม.ค.ที่ผ่านมา ทำการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะตรวจพบมะเร็งที่เต้านมตอนนี้จึงต้องทำคีโม เขาเล่าว่า“ผมทำงานอยู่ร้านส่งข้าวสารที่ต่างจังหวัด วันที่หมอนัดให้คีโมเข็ม5หนุ่มรายนี้ได้ลางานเพื่อพาแฟนไปรักษาที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ด้วยมอเตอร์ไซค์”ตีรถเกิดเสียจึงต้องหยุดงานนานนับอาทิตย์ สุดท้ายนายจ้างที่จังหวัดร้อยเอ็ดไล่ออกจากงาน


ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านปูนชั้นเดียว เลขที่ 231 หมู่ที่10 ตำบลชนแดน อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ พบกับ นางเยาวลักษณ์ เทียมทอง อายุ35ปี ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งเต้านม อาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับลูกน้อยวัย6เดือน และ นายสุระชัย ไชยบาล 35 ปี สามี ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านเลขที่ 8 ม. 11 ต.ขวัญเมือง อ.เสรภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยผู้เป็นสามีนั้น ตอนนี้ต้องตกงาน เพราะต้องคอยมาดูแลภรรยาและลูกน้อยอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ตอนนี้ แทบไม่มีเงินเหลือจุนเจือครอบครัว ท้อแท้หนัก ถึงขึ้นผู้เป็นภรรยา ตัดพ้อไม่อยากไปทำคีโมต่อแล้ว เนื่องจากการเดินทางของทั้งคู่ มีเพียงรถจักรยายนต์คู่ใจเท่านั้น ที่ใช้เดินทางไป-กลับจังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทางกว่า 800 โล ซึ่งการเดินทางก็เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งตากฝน รถเสีย ยางรั่ว ทั้งแพ้คีโม และแพ้ฝนด้วย


ทั้งนี้ สำหรับผู้ใจบุญท่านใด อยากให้การช่วยเหลือ ก็สามารถโอนเงินเข้าหมายเลขบัญชี 020358315966 ธนาคารออมสิน ชื่อผู้ฝาก นายสุระชัย ไชยบาล หรือโทรสอบถาม 061-0606208   จากการสอบถาม นางเยาวลักษณ์ เทียมทอง 40 ปี เล่าว่า ก่อนหน้านี้ เริ่มมีอาการแปลกๆเมื่อเดือนมกราคม ปี 64 โดยตนนั้นได้คลำดูแล้วเจอก้อนเล็กๆ จึงได้เดินทางได้พบหมอที่โรงพยาบาล ให้หมอเจาะตรวจดู พอหมอเจาะตรวจดู วินิจฉัยว่า เป็นก้อนต่อมไขมันปกติ จนมาตั้งครรภ์แล้วท้องได้ 7 เดือน ก้อนตัวนี้ได้โตขึ้นมาเยอะมาก จึงได้ไปพบหมอที่โรงพยาบาลชนแดน หลังจากนั้นหมอที่โรงพยาบาลชนแดนจึงได้ส่งตัวไป โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ โดยหมอที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ได้ทำการเจาะ แล้วสรุปผลว่าเป็นเนื้อร้าย เนื้อร้ายในที่นี้คือ มะเร็งเต้านม แต่ยังเอาออกไม่ได้ เพราะว่าตนนั้นตั้งท้องอยู่ เกรงว่าจะกระทบลูกในท้อง พอเข้าเดือน พฤศจิกายน 2564 จึงถึงกำหนดการคลอดลูก หมอก็ยังคงยืดเวลาผ่าตัดออกไป เพราะด้วยเหตุผลว่า ต้องรอคิว จึงได้ปรึกษากับแฟนว่า จะย้ายไปโรงพยาบาลร้อยเอ็ด จึงได้ย้ายไปโรงพยาบาลร้อยเอ็ดเดือนธันวาคม ได้คิวผ่าตัด18 มกราคม 2565 หลังจากการผ่าตัดนั้นก็ไม่ได้มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด 7 วันจึงออกจากโรงพยาบาล ซึ่งผลที่หมอทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ดระบุนั้น คือ เป็น มะเร็ง ซึ่งหลังจากการผ่าตัดแล้วเสร็จ หมอได้นัดทำคีโม หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา ตนจึงได้ทำการให้คีโมเข็มแรก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 โดยหมอได้ให้คีโมทั้งหมด 8 เข็ม มีเข็มน้ำแดง 4 เข็ม เข็มน้ำขาว 4 เข็ม หลังจากนั้นก็ต้องฉายแสงและกินยาต้านด้วย ซึ่งตอนนี้ได้ให้คีโมไปทั้งหมด 5 เข็มแล้ว ซึ่งในช่วงการให้คีโมในช่วง 2-3 เข็มแรก ยังอยู่ที่ร้อยเอ็ด ก็ใช้จักรยานยนต์เดินทางไปรักษา และด้วยความที่แฟนต้องมาดูแลบ่อย จึงถูกให้ออกจากงาน สมัครที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่เพชรบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ไปฉายแสงที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งระยะทางไป-กลับประมาณ 800 กม. ซึ่งการเดินทางก็เดินทางตากฝน รถเสีย ยางรั่ว ทั้งแพ้คีโม และแพ้ฝนด้วย จากการขี่รถจักรยายนต์ไปรักษา


นายสุระชัย ไชยบาล 35 ปี เล่าว่า ตอนที่แฟนตั้งท้องอยู่ก่อนหน้านี้ ตนนั้นทำงานอยู่ที่ อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ร้านข้าวสาร ซึ่งตนก็ได้ดูแลพาแฟนไปหาหมอเป็นประจำ ช่วงแรก ก็ลาหยุดอาทิตย์ละครั้ง แต่หลังๆมา พอลาหยุดบ่อย งานที่ร้านข้าวสารไม่คล่องตัว สุดท้ายเจ้าของร้านจึงสั่งให้หยุดงาน ตนจึงเกิดความท้อแท้ ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาซื้อนมลูก ซึ่งล่าสุด ตนนั้นได้ออกจากงานเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เพราะว่าต้องมาดูแลแฟน เพราะว่าพ่อ แม่ ก็ไม่อยู่ ตนนั้นไม่กล้าปล่อยให้แฟนอยู่กับลูกสองคน ล่าสุดนี้ก็เหลือเงินติดตัวอยู่ 25 บาท ถ้าอยากกินน้ำ ก็จะนึกถึงแฟนก่อน ซึ่งปัจจุบันรายได้ที่ได้ก็มาจากเงินที่รัฐบาลสนับสนุนทารก เดือนละ 600 บาท และเงินสนับสนุนประกันสังคม 800 บาท และ เงินพิการของพ่ออีก 800 เอามารวมกันซื้อนมให้ลูก ซึ่งยอมรับว่าเงินนั้นไม่พอ จึงอยากจะหยุดฉายแสงคีโม เพราะเงินไม่มีไปหาหมอ แล้วตนนั้นก็ถูกเลิกจ้าง ซึ่งตอนนี้ก็มีการหยิบยืมจากเพื่อนฝูงบ้าง ซึ่งไม่รู้จะหาเงินจากไหน อาจจะต้องหยุดคีโม ตอนนี้ตนนั้นก็กลัวว่าถ้าหากวิงวอนให้สังคมช่วยเหลือ ตนนั้นก็กลัวว่า จะเอาเรื่องป่วยมาเป็นข้ออ้าง ถ้าหากมีผู้ใจบุญตนนั้นก็จะขอบพระคุณมากที่จะให้การช่วยเหลือ ในเรื่องของผ้าอ้อมน้อง ค่านมน้อง

///////////////////////// /เพชรบูรณ์ ภาพ – ข่าว ลาวัณย์ วุฒิสินอักษรา////////////////////////////////////