สนง.สหกรณ์ จ.เชียงรายตัวกลางซื้อขายข้าวกว่า2แสนตัน
วันนี้(27 กันยายน 2555) ณ ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรเมืองเชียงราย จํากัด นายอาคม โยริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ เป็นตัวแทนสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงราย ในการเป็นตัวกลางลงนามซื้อขายข้าวเปลือกนาปีการผลิต ปี2565/2566 ระหว่างสหกรณ์การเกษตรในจังหวัดเชียงราย มี นายอานนท์ วงษารัตน์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองเชียงรายจำกัด เป็นตัวแทน กับ บริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จำกัด โดยนายศิริพงษ์ วรอภิญญาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จำกัด
นายอาคม โยริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ กล่าวว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานที่สนับสนุนให้สหกรณ์และกลุ่ม เกษตรกร เป็นจุดรวบรวบผลผลิตของสมาชิก เช่น ข้าวเปลือก ยางพารา กาแฟ ข้าวโพด และผลิตอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้มีที่จําหน่าย ผลผลิตในราคาที่เป็นธรรมและสูงกว่าท้องตลาดจังหวัดเชียงราย มีเกษตรกรลงทะเบียนปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2565/66 ณ วันที่ 11 กันยายน 2565 จํานวน 108,855 ครัวเรือน 207,031 แปลง รวมเนื้อที่ 1,144,954.04 ไร่ ซึ่งจังหวัดเชียงรายนิยมปลูกข้าวเหนียว ถึงร้อยละ 60.53 และรองลงมาเป็นข้าวหอมมะลิ ร้อยละ 20.51 และเป็นข้าวชนิดอื่นๆ ร้อยละ 18.96 ในปีการผลิต 2554/55 ที่ผ่านมา สํานักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงราย มีสหกรณ์ที่ รวบรวมข้าว จํานวน 14 แห่ง ซึ่ง มีแผนการรวบรวมข้าวเปลือก จํานวน 142,034 ตัน มีผลการรวบรมข้าวเปลือก จํานวน 134,576.14 ตัน คิดเป็นร้อยละ 94.75 เป็นมูลค่า 971,439,225.25 บาท
และปีการผลิต 2565/66 มีสหกรณ์ที่มีแผนรวบรวมข้าวเปลือกทั้งสิ้น จํานวน 15 แห่ง จํานวน 208,102 ตัน มีสมาชิก 133,278 คน พื้นที่ปลูก 270,656 ไร่ คาดว่าสหกรณ์ จะเริ่มรับซื้อผลผลิตจากสมาชิกปลายเดือนกันยายน 2565 เป็นต้นไป
เนื่องจากอดีตสมาชิกสหกรณ์ ไม่มีที่จําหน่ายข้าวมักจะถูกพ่อค้าคนกลางเอารัด เอาเปรียบเรื่องราคามาโดยตลอด สหกรณ์จึงช่วยสมาชิกด้วยการรับซื้อผลผลิตข้าวของ สมาชิกในราคาที่เป็นธรรมและสูงกว่าท้องตลาด โดยการประสานงานกับภาคเอกชนให้ เข้ามาช่วยในการรับซื้อข้าวของสหกรณ์ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่สหกรณ์ในจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมมือกับ ภาคเอกชน โดยบริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จํากัด ได้ทําสัญญาซื้อขายข้าวเปลือกนาปี ปีการ ผลิต 2565/66 จํานวน 8 สหกรณ์ ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตรเมืองเชียงราย จํากัด สหกรณ์การเกษตรเวียงชัย จํากัด สหกรณ์การเกษตรเมืองพาน จํากัดสหกรณ์การเกษตรเชียงแสน จํากัด สหกรณ์การเกษตรพญาเม็งราย จํากัด สหกรณ์ การเกษตรแม่สรวย จํากัด สหกรณ์การเกษตรแม่จัน จํากัด สหกรณ์การเกษตรหงาว ตับเต่า จํากัด โดยจะเริ่มเปิดรับซื้อผลผลิตข้าวจากเกษตรตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
สําหรับวันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สหกรณ์จะได้เพิ่มช่องทางการตลาดอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นการทําข้อตกลงล่วงหน้า หรือเป็นการทําตลาดนําการผลิต เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เมื่อสหกรณ์ ได้ทําการรวบรวมข้าวจากสมาชิกแล้ว จะมีผู้รับซื้อข้าวจากสหกรณ์ ที่แน่นอน ซึ่งระบบสหกรณ์จะเป็นการช่วยขับเคลื่อน และเป็นการสร้างกลไกให้มีการ สร้างอํานาจการต่อรองทั้งการซื้อและการขาย และสร้างความเป็นธรรมด้านราคา การชั่ง น้ําหนัก การตรวจสอบคุณภาพข้าวเปลือก ให้กับสมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งเมื่อสหกรณ์ เปิดตลาดคาดว่าสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรทั่วไปจะได้รับประโยชน์ และเป็นการกระตุ้นเรื่องการตลาดนําการผลิตในฤดูกาลผลิตข้าวในปีการผลิตนี้
นายศิริพงษ์ วรอภิญญาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จำกัด กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์มีข้าวที่มีคุณภาพทั้งข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียว กข.6 ที่ผ่านมาทางบริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จำกัด เคนำข้าวของจังหวัดเชียงรายไปจำหน่ายให้ลูกค้าและทางลูกค้าก็ชื่นชอบที่จะบริโภคข้าวจังหวัดเชียงรายเป็นอย่างมาก ตนจึงได้ประสานสหกรณ์การเกษตรจังหวัดเชียงรายเพื่อรวบรวมข้าวเปลือกของจังหวัดเชียงรายและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสหกรณ์การเกษตรจังหวัดเชียงราย พาณิชย์จังหวัดเชียงราย โดยเป้าหมายในการรับซื้อนั้นทางบริษัทจะรับซื้อข้าวเปลือกทั้งหมดจากสหกรณ์ที่ร่วมลงนามกับบริษัทของเราเพราะเราใช้การตลาดนำการผลิต จากนั้นจะรับข้าวเปลือกที่รับซื้อไปสี ก่อนจำหน่ายไปยังประเทศแถบแอฟริกา จีน ยุโรปรวมไปถึงประเทศอีรักที่ทำสัญญาซื้อข้าวไทยผ่านบริษัทของเราเพียงเจ้าเดียว
นายศิริพงษ์ กล่าวอีกว่าขอให้เกษตรกรจังหวัดเชียงรายมั่นใจได้ว่าบริษัทของเรามาความเข้มแข็ง สามารถรับซื้อข้าวของท่านได้ทุกเมล็ด ในราคาที่เป็นธรรม
นายอานนท์ วงษารัตน์ ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรเมืองเชียงรายจำกัด กล่าวว่า การที่บริษัท ทีบีเอสไรซ์มิลล์ จำกัด มาทำสัญญารับซื้อข้าวจากเกษตรกรของสมาชิกในกลุ่มสหกรณ์จะช่วยให้ได้ราคาที่เป็นธรรมและสูงกว่าตามท้องตลาดทั่วไปกิโลกรัมละ 50 สตางค์ ถึง 1 บาท ทำให้สมาชิกมีเงินจากการจำหน่ายข้าวมาชำระหนี้เงินที่กู้ไปจากสหกรณ์ ประการสำคัญเมื่อราคาข้าวดีขึ้นเกษตรกรที่หมดกำลังใจและเลิกการปลูกข้าวไปแล้วจะได้หันกลับมาทำการปลูกข้าวต่อไป…..