ที่สนามกีฬากลาง จ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.เชียงราย หมายเลข 1 ได้จัดเวทีปราศรัยส่งท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ โดยมีการผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิก อบจ.เชียงราย เขต อ.เมืองเชียงราย ทั้ง 7 เขตผลัดกันปราศรัยและมีมวลชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 5,000 คน โดยมีแกนนำเสื้อแดงหลายคนพามวลชนไปสนับสนุนและมีกลุ่มการเมืองที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยแต่หันไปสนันสนุนนางอทิตาธรไปร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก
ซึ่งนางอทิตาธรปราศรัยโดยมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเล่าประวัติของตัวเองที่ต้องการทำงานเพื่อท้องถิ่น จ.เชียงราย จึงได้ศึกษาข้อมูลทั้ง 18 อำเภอ 1,753 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 1.28 ล้านคนว่าแต่ละหมู่บ้านชุมชนชาวบ้านมีอาชีพและกินอยู่อย่างไร เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณท้องถิ่นลงไปให้ถูกต้องและเกิดประโยชน์ นอกจากนี้เล่าถึงเหตุการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่แม้แต่ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ฯลฯ ก็มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงได้พยายามเสาะหาวัคซีนนอกเหนือจากโควต้าที่มีอยู่เพื่อให้ชาวเชียงรายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ฯลฯ
นางอทิตาธรให้สัมภาษณ์ว่าตนได้เตรียมีความพร้อมสู่การเลือกตั้งมาเต็ม 100% แล้ว และได้รับการต้อนรับจากประชาชนในทุกๆ พื้นที่ที่ลงไปอย่างเต็มที่ทำให้ได้กำลังใจอย่างล้นหลาม ส่วนการที่ต้องแข่งขันกับพรรคการเมืองใหญ่นั้นตนไม่รู้สึกกังวลเพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้นคนท้องถิ่นจะตัดสินใจได้เอง โดยเฉพาะผู้ที่จะมาเป็นตัวแทนจะต้องรู้จักท้องถิ่นของตัวเองจึงจะสามารถทำงาน แก้ไขปัญหาและพัฒนาเชียงรายได้ ที่ผ่านมาไม่มีหมู่บ้านใดที่ตนไม่ได้ลงตนจึงทราบข้อมูลเป็นอย่างดี ส่วนกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีลงไปช่วยอีกฝ่ายนั้นตนก็ไม่หนักใจ เพราะการเลือกตั้ง อบจ.เป็นเรื่องของท้องถิ่นและประชาชนเข้าใจระบบแล้วว่ามีการแบ่งแยกกันโดยสิ้นเชิง รวมทั้งนโยบายบางอย่าางของรัฐบาลก็อาจไม่ใช่ความต้องการของท้องถิ่นอย่างแท้จริง แต่คนท้องถิ่นจะเข้าใจท้องถิ่นด้วยกัน โดยประชาชนเข้าใจในระบบในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และท้องถิ่น ประชาชนจะเลือกคนที่พวกเขามั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่และรุ่นเดิมก็ตาม
นายอทิตาธร กล่าวอีกว่ากรณีมีการปล่อยข่าวปลอมถึงตนนั้นตนจะถือสัจจะและความจริงซึ่งประชาชนจะตัดสินใจได้เอง ส่วนกรณีอดีตนายกรัฐมนตรีที่มาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้กับอีกฝ่ายนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะทำอย่างไรต่อไป สำหรับตนจะมุ่งดำเนินตาม 13 นโยบายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา สาธารณสุข ฝุ่น PM 2.5 น้ำท่วม ฯลฯ ต่อไป โดยที่อยากทำมากคือการตั้งศูนย์บริหารจัดงานสาธารณภัยแบบครบวงจร ซึ่งมาจากนักวิชาการ ผู้รู้ วิศวกรท้องถิ่นทั่วเชียงราย และวิศวกรอาสา ที่ได้ลงพื้นที่ในภัยธรรมชาติที่ผ่านมา เพราะไม่อยากให้เกิดภัยธรรมชาติกับชาวเชียงราย มีการเยียวยา มีการรับทราบข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือเนื่องจากความเสียหายหนักจากน้ำท่วมที่ผ่านมาเกิดจากการไม่รับทราบข้อมูล
นางอทิตาธร กล่าวถึงกรณีฝุ่น PM 2.5 ว่าชาวเชียงรายจะต้องใช้เสียงร่วมกันไปถึงผู้นำเข้าพืชผลทางการเกษตรจากชายแดน ขณะที่ฝุ่นข้ามแดนจึงเกิดจากการปลูกพืชผลทางการเกษตรในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อบริหารจัดการไม่ดีก็มีการเผาจนเกิดเป็นฝุ่นควันเข้าสู่ประเทศไทยโดยไม่ได้เกิดจากเรา จึงต้องใช้ระเบียบ กฎหมาย การพูดคุยระหว่างประเทศ จัดการกับผู้รับซื้อผลิตผลทางการเกษตรที่จะนำเข้าสู่ประเทศไทย เพราะในต่างประเทศมีการปลูกข้าวสาลี ข้าวโพด ฯลฯ เหตุใดจึงไม่มีปัญหาจึงต้องนำมาเป็นกรณีศึกษาและถ้าตนได้เข้าไปทำงานอีกครั้งจะประสานงานฝ่ายต่างๆ แม้ว่าจะไม่ใช่หน้าที่ของ อบจ.โดยตรงแต่ชีวิตของประชาชนได้รับผลกระทบ
นางอทิตาธร กล่าวถึงกรณีมีเจ้าหน้าที่ตรวจยึดของกลางใบปลิวและอื่นๆ จากผู้สนับสนุนตนในอำเภอแห่งหนึ่งว่า จากการสอบถามคนในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้องทราบว่าเป็นแผ่นพับใบปลิวซึ่งต้องรอให้ทาง กกต.ได้ตรวจสอบโดยที่ตนไม่ได้วิตกังวลในเรื่องนี้ แต่ตนวิตกกังวลเพียงเรื่องเดียวคือ “อำนาจรัฐ” จึงขอให้สื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยดูให้ด้วยโดยเฉพาะโยงไปสู่การซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่จะทำให้ชาวเชียงอ่อนแอได้และจะอยู่กับเราไปอีก 4 ปี ขณะที่การพัฒนาและแก้ไขปัญหากำลังรอเราอยู่จึงต้องการผู้แทนที่มีความชัดเจนในเรื่องนี้
รายงานข่าวแจ้งว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิก อบจ.เชียงราย จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.พ.นี้ โดยคู่แข่งคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยคือนางอทิตาธร วันไชยธนะวงศ์ อดีตนายก อบจ.เชียงราย คนล่าสุดที่พึ่งหมดวาระไปได้หมายเลข 1 ส่วนนางสลักจฤฎดิ์ ได้หมายเลข 2 และ และมีผู้สมัครอีกคือ น.ส.จิราพร หมื่นไชยวงศ์ ได้หมายเลข 3.