ตำรวจรวบแก๊งนักข่าวนอกรีต ตบทรัพย์บริษัทรับเหมาก่อสร้าง 1 แสนบาท
เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่ห้องประชุม กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.พันธุ์เพ็ชร เหล่ากำเนิดเพชร ผกก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.อรรคพล วงษ์ฤทธิวัลย์ รอง ผกก.กก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.ท.ดำรง หีบแก้ว สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งนักข่าวนอกรีต ตบทรัพย์ประชาชน ประกอบด้วย นายสุริยา ขอสงวนนามสกุล หรือหน่อง อายุ 57 ปี ชาว ต.บ้านขาว อ.เมืองอุดรธานี ตามหมายจับศาล จ.อุดรธานี ที่ 218/2567 ลงวันที่ 28 มิ.ย.67 ข้อหา “ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์”
*นายกัมปนาท ขอสงวนนามสกุล อายุ 36 ปี ชาว เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาล จ.อุดรธานี ที่ 217/2567 ลงวันที่ 28 มิ.ย. 67 ข้อหา “ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์” นายศักดิ์สยาม ขอสงวนนามสกุล อายุ 50 ปี ชาว ต.หนองฮี อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด และนายสิทธิชัย ขอสงวนนามสกุล อายุ 45 ปี ชาว ต.นาแซง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ในข้อกล่าวหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์”
พร้อมของกลางเงินสดใช้การล่อซื้อ ที่ตำรวจใช้ซ้อนแผน โดยการถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐาน จำนวน 100,000 บาท บัตรเครือข่ายประชาชนต่อต้านการทุจริตภาครัฐ ที่จัดทำหรือแต่งตั้งกันขึ้นมาเอง พร้อมเสื้อคลุมโลโก้ของหน่วยงานการตรวจสอบการทุจริตต่างๆของภาครัฐ จำนวน 6 ตัว บัตรผู้สื่อข่าว และบรรณาธิการข่าว น.ส.พ.ท้องถิ่น 14 ใบ โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง รถปิกอัพ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นรีโว่ สีเทา ทะเบียน 4กต 5516 กทม. 1 คัน ส่วน อาวุธปืนพกที่ค้นได้ในรถปิกอัพ ยี่ห้อกล็อค สีดำ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก แบงค์กัน สีดำ ขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 38 นัด นายกัมปนาทฯ รับเป็นเจ้าของ จึงแจ้งข้อกล่าวหา “ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้สืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานจากผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างต่างๆ ในพื้นที่ หลังเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าถูกกลุ่มที่ตั้งตัวเป็นตัวแทนสื่อมวลชน อ้างชื่อ “เครือข่ายประชาชนต่อต้านการทุจริต” เรียกรับเงินแลกกับการไม่ถูกร้องเรียนการทำงาน โดยมี ”เฮียหน่อง” พร้อมลกน้องมือดีอีก 3 คน เป็นผู้เจรจา
หลังรับแจ้ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้ขออนุมัติหมายจับ นายหน่อง (หน.แก๊ง) และนายบูม จากศาลจังหวัดอุดรธานี ตามพยานหลักฐาน ก่อนจะประสานตำรวจชุดจับกุม วางแผนให้ผู้เสียหายซ้อนแผนจับกุมตัวได้ยกแก๊งที่ลานจอดรถ ตลาด ส.นงนุช บ.หนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี เวลา 17.20 น. วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ท่ามกลางความแตกตื่นประชาชนที่มาจับจ่ายตลาดในช่วงเย็น ที่คิดว่าตำรวจปิดล้อมจับผู้ค้ายาเสพติด ซึ่งขณะเข้าจับกุมตัว ตำรวจได้บันทึกคลิปไว้ทุกขั้นตอนไว้เป็นหลักฐาน ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำการสอบสวน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนขอกฎหมาย โดยผู้ต้องหาทั้งหมดยังให้การภาคเสธ
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผบก.ภ.จว.อุดรธานี และ หน.ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันเปิดเผยว่า จากการจับกุมตรวจค้นในรถปิกอัพกลุ่มคนร้ายใช้ในการก่อเหตุ พบเครื่องมือที่ใช้แอบอ้างเป็นนักข่าว คือบัตรประจำตัวสำนักข่าว บัตรประจำตัวที่อ้างเป็นเครือข่ายประชาชนต่อต้านการทุจริต ที่ทำขึ้นมาเอง โดยไม่มีหน่วยงานของรัฐอนุญาตหรือรับรอง แต่แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่รัฐ ติดป้ายหรือโลโก้หน่วยงานต่างๆที่หน้าอกเสื้อคลุม เงินสดที่เป็นเงินล่อซื้อ จำนวน 1 แสนบาท ถูกโยนออกจากนอกรถขณะตำรวจเข้าจับกุมตัว และยังพบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. 1 กระบอก และแบงกัน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน เบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การภาคเสธในเรื่องการเรียกรับ แต่ก็มีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง เพราะตำรวจได้ถ่ายเอกสานเงินล่อซื้อไว้ทั้งหมดแล้ว
ในการกระทำแบบนี้ ส่งผลเสียหรือด้านลบให้กับสื่อมวลชนในพื้นที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต และทำหน้าที่จริง ที่มีการแอบอ้างเป็นสื่อมวลชนในพื้นที่ แล้วมีชาวบ้านเข้าใจผิด และหลงเชื่อ บางคนมีการจ่ายเงิน ซึ่งกลุ่มนี้มีพฤติกรรมแบบนี้มานานแล้ว ล่าสุดก็เป็นการเรียกรับเงิน 1 แสนบาท จากผู้เสียหาย โดยให้จ่ายเป็นรายปี ทางตำรวจได้สืบสวนหาเบาะแส จนสามารถจับกุมพร้อมของกลาง”
ในส่วนผู้เสียหายรายอื่น ที่ถูกกลุ่มคนเล่านี้ตบทรัพย์ โดยอ้างว่าเป็นสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง เพื่อขู่กรรโชกเรียกรับเงิน หรือผลประโยนช์ต่างๆ หรือผู้ที่จ่ายไปแล้วให้นำหลักฐานมาแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี หรือพื้นที่เกิดเหตุ และกองกำกับการสืบภูธรจังหวัดอุดรธานี เพื่อจะดำเนินคดีกับแก๊งค์นี้เพิ่มเติม เนื่องจากการสืบสวนเชิงลึก ยังมีผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน โดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุกดิน หิน และทราย ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มคนเหล่านี้ ทางชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี มีข้อมูลหลักฐานในการสนับสนุนดำเนินคดีต่อกลุ่มคนเหล่านี้