นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.กระทรวงการคลังพบเกษตรกรเชียงรายพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย
วันนี้(16 ธันวาคม 2566) เวลา 09.30 น.ที่ หอประชุมเทศบาลเมืองพาน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง/ประธานกรรมการธกส. พร้อมด้วย สส.ยิ้ม วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ และ ส.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ที่ปรึกษานายกกรัฐมนตรี นายยุวพล วัตถุ รอง ผจก.ธกส.
นายเสกสรรค์ จันทร์ฝาง รอง ผจก.ธกส. นายณรงค์ ขันติวิริยะกุล รอง ผจก.ธกส., นายโกเมนทร์ โคตรศรีวงศ์ ผช.ผจก.ธกส. ได้เดินทางมายัง หอประชุมเทศบาลเมืองพาน เพื่อดำเนินการพักชำระหนี้ให้กับลูกหนี้รายย่อย(พักหนี้เกษตรกร)ตามนโยบายของรัฐบาล มีนายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน หัวหน้าส่วน ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์พร้อมเจ้าหน้าที่ พี่น้องเกษตรกรจำนวน 1,500 คน ให้การต้อนรับ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาระกิจของตนในวันที่ 16-17 ธันวาคม 2566 ที่เดินทางมายังจังหวัดเชียงรายเพื่อทำการตรวจนโยบายพักหนี้เกษตรกรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งหลังจากได้ดำเนินนโยบายมาแล้วกว่า 2 เดือน วันนี้เราประสบความสำเร็จเพราะว่าพี่น้องเกษตรกรและประชาชนแสดงความประสงค์จะเข้าสู่ขบวนการพักหนี้กว่า 80%ของผู้มีสิทธิ์ เราจะปิดโครงการในเฟสแรกไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2567 หลังจากนั้นจะเดินหน้าในเฟสที่ 2 ซึ่งการพักหนี้เกษตรกรในเฟสแรกเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีมูลหนี้ต่ำกว่า 300,000 บาท ในเฟสที่สองจะเดินหน้าในกลุ่มที่มีหนี้เกินกว่า 300,000 บาท เพื่อให้ขบวนการพักหนี้ได้ต่อลมหายใจ ให้โอกาสให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ประกอบอาชีพและเดินหน้าชีวิตต่อซึ่งในส่วนปัญหาหนี้สิ้นเกษตรกรนั้นในระยะ 10 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นหลายแสนล้านบาท หนี้นอกระบบก็จำนวนมหาศาล รัฐบาลจะแก้ปัญหานำหนี้นอกระบบมาไว้บนโต๊ะเพื่อเจรจาความกันเพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้อง แต่อย่างไรในการดำเนินโครงการเรายังไม่พบอุปสรรคในการดำเนินโครงการไม่มีทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้าหากจะกล่าวถึงต้องกราบขอบพระคุณทาง ธกส.และลูกจ้างใน ธกส.ทั้งหมด ที่ได้ปฎิบัติภาระกิจอย่างไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยเพราะในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมางานช่วยเหลือเกษตรกรค่อยข้างมากเพราะมีพี่น้องประชาชนเข้ามาประสานงานจำนวนหลายล้านคน วันนี้ ธกส.ทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อให้บริการลูกค้าของธนาคาร
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า การพักหนี้เกษตรกรในครั้งนี้มีความแตกต่างกับครั้งที่ผ่านมาในอดีตคือ ส่วนที่หนึ่งยอดหนี้ของเกษตรกรจะไม่ใหญ่ไปกว่าเก่าเพราะรัฐบาลจะช่วยชำระในเรื่องดอกเบี้ยแทนให้กับพี่น้องเกษตรกร ส่วนที่สองเรามีกลไกที่จะยืยยันว่าหากท่านมากำลังพอจะมาชำระหนี้สินกับ ธกสส.ในช่วงักหนี้ 3 ปี เงินที่เข้าธนาคารมาทุกบาททุกสตางค์จะไปตัดตัวเงินต้นเป็นหลักเพื่อให้มูลหนี้เล็กลงทำให้ภาวะหนี้สินหลังพ้นระยะมาตรการพักหนี้แล้วจะทำให้เกษตรกรอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น สิ้งสำคัญทาง ธกส.เองได้เตรียมวงเงินให้กับพี่น้องเกษตรกรการปลูกพืชผลในครั้งถัดๆไป ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะทุกคนต้องมีความจำเป็นในการเดินหน้าประกอบอาชีพต่อซึ่งการเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้นทุกวัน กลไกจาก ธกส.เองจะไท่ปล่อยมือจากพี่น้องประชาชนเราจะเตรียมวงเงินให้กับพี่น้องเกษตรกรมีความจำเป็นที่จะประกอบอาชีพต่อไป ส่วนสุดท้ายมีการเตรียมเงินงบประมาณไว้จำนวนมากเพื่อจะได้เข้ามาฟื้นฟูเรื่องของอาชีพของพี่น้องเกษตรกรทุกกลุ่มทุกอาชีพ กลไกเหล่านี้เรามีความพร้อม ธกส.เองมีองค์ความรู้ มีเม็ดเงินสินเชื่อที่จะนำมามอบให้กับพี่น้องเกษตรกร การช่วยเหลือทางการตลาดเราเชื่อด้วยกลไลของ ธกส.ประกอบกับนโยบายของรัฐ จากทุกกระทรวงทบวงกรมรวมถึงกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพานิชย์ จะช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตของพี่น้องเกษตรกรได้อย่างเป็นรูปธรรมในระยะ 4 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน
จากนั้นทั้งหมดได้ถ่ายภาพร่วมกันหร้อมกับเดินชมบูธ ต่างๆ ภายในงาน อาทิ กลุ่มแปรรูปอาหาร กลุ่มเย็บโรงเท้าผ้าป้าหุ่ง, กลุ่มข้าวอินทรีย์ ชาวนา ขาเดฟ เป็นต้น
ก่อนที่คณะจะได้เดินทางต่อไปยังชุมชนบ้านหนองหมด หมู่.8 อ.พานเพื่อศึกษาดูงานชุมชนอุดมสุขอย่างยั่งยืนของ ธกส. มีการเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้กลุ่มอาชีพ 3 เมนู ข้าวครบวงจร เลี้ยงปลาในบ่อ/ผลิตอาหารป่า/ไข่เค็มใบเตยและการจัดการหนี้ชุมชน เป็นต้น
ต่อมาในช่วงบ่ายคณะได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอป่าแดด และกลุ่มอาชีพบ้านโป่งศรีนคร เพื่อเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ธกส.บ้านโป่งศรีนครเป็นศูนยฺเรียนรู้หมู่บ้านปลอดขยะ(ZEero Waste) ที่นี้ยังมีเมนูอาชีพเตรียมรองรับการอบรมฟื้นฟูศักยภาพลูกค้าที่เข้าโครงการพักชำระหนี้เกษตรกรจำนวน 3 ฐาน ได้แก่ฐานส่งเสริมอาชีพการจัดสานและการผลิตพรมเช็ดเท้าจากเศษผ้าเพื่อเป็นอาชีพเสริม, ฐานการรวบรวมและะแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรด้วยพลังงานสะอาดเพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนอาชีพใหม่ ฐานที่สามจุดเรียนรู้การรวบรวมผลผลิตกาแฟ 9 ดอย
ตบท้ายภาระกิจในวันแรกด้วยการเดินทางไปยังชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ศิลปะร่วมสมัย บ้านป่าเหียง อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อดูงานของกลุ่มดังกล่าวทีมีการรวมตัวก่อตั้งขึ้นโดยนักเรียนชาวนาของศูนย์วิปัสนาไร่เชิญตะวัน ที่รวมกลุ่มกันเพื่อส่งเสริมอาชีพที่ได้มาจากการเรียนรู้จากโรงเรียนชาวนาและต้องการสร้างตลาดอีกรูปแบบหนึ่งด้วยตนเอง มีจุดเรียนรู้รับรองการฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพ ประกอบด้วย การพิมพ์ผ้าด้วยวัสดุจากธรรมชาติ(Eco Print) การนวดแผนไทยและอบสมุนไพรล การจัดสาน, การทำอาหารพื้นบ้านและที่พักโฮมสเตย์ และกลุ่มธนาคารขยะทองคำ
สำหรับในวันที่ 17 ธันวาคม 2566 ช่วงเช้า คณะ รมช.กระทรวงการคลัง จะเดินทางไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงราย เพื่อพบปะพี่น้องเกษตรกรกว่า 500 คน พร้อมเยี่ยมชมบูทของโรงสีเกริก, สับปะรดนางแล และกลุ่มแคบหมู จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังโรงเรียนแมจันวิทยาคม พบปะเกษตรกรในพื้นที่ อ.แม่จันกว่า 500 คน เยี่ยมชม บูท ผู้ประกอบการไร่ชา 101, กลุ่มผลิตและแปรรูปอโวคาโด, กลุ่มส่งเสริมการปลูกมันฝรั่ง ฯ และช่วงบ่ายจะเดินทางไปยังโรงเรียนบ้านปล้อง อำเภอเทิงเพื่อพบปะพี่น้องชาวเกษตรกรในพืันที่อำเภอเทิง เยี่ยมชมบูธ กลุ่มหมูดำเหมยซานเกษตรกรพอเพียง, บูธ เจมส์ คันนาทองคำ, กลุ่มผู้ผลิตผักไฮโดรโปนิกส์ และศูนย์เรียนรู้บ้านครูขนิษฐาโครงการ459 ต่อไป…