สุดเศร้า 2 ภรรยาแรงงานไทยที่ถูกยิงดับในอิสราเอลร่ำให้ขอศพสามีคืน
นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ นายกเหล่ากาชาด จ.เชียงราย ได้เดินทางไปพบปะกับญาติของชาวเชียงราย 2 คน คือนายดัว แซ่ย่าง อายุ 35 ปี และนายสมชาย แซ่ย่าง อายุ 26 ปี ที่หมู่บ้านเวียงราชพลีหรือเวียงคำฟ้าซึ่งเป็นสาขาของหมู่บ้านปาสักงาม หมู 9 ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง เพื่อให้กำลังใจหลังจากทั้ง 2 ครอบครัว ภายหลังทั้ง 2 คน ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลและได้รับแจ้งข่าวว่่าจากเพื่อนคนงานไทยในแคมป์เดียวกันด้วยการส่งคลิปเสียงมาให้ว่าทั้งสองคนได้เสียชีวิต(อย่างไม่เป็นทางการ)จากการถูกยิงและเผาขณะหลบอยู่ในห้องพักจากฝีมือการโจมตีโดยกองกำลังฮาบาสต่อเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา
นางสุภาเพ็ญ นายกเหล่ากาชาด จ.เชียงราย กล่าวว่า จ.เชียงราย มีผู้เดินทางไปทำงานที่อิสราเอล 2,174 ค กระจายอยู่เกือบทุกอำเภอ กระนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการว่ามีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บแต่มีการแจ้งกันในสายงานโดยเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์และเห็นด้วยตาตัวเอง ดังนั้นหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ประกันสังคม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ฯลฯ จึงได้เข้ามาอธิบายสิทธิประโยชน์หากนายดัวและนายสมชาย แรงงานไทยได้เสียชีวิตลงจริงจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งสัญญาทำงานที่อิสราเอลเป็นกองทุน หากเสียชีวิตจะได้เงินชดเชย 60% ของค่าจ้าง ในรายของนายดัวมีบุตร 3 คน ภรรยาจะได้รับเดือนละ 30,000 บาทจนกว่าภรรยาจะเสียชีวิตหรือแต่งงานใหม่ ส่วนลูกได้คนละ 10,000 บาทต่อเดือนจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ เฉลี่ยจะได้รับเดือนละ 60,000 บาท ฯลฯ และจะช่วยเรื่องอาชีพและรายได้เพราะหากนายดัวเสียชีวิตจริงภรรยาก็จะกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ใขขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการจัดนักจิตวิทยาและสังคมสงเคราะห์ไปพบแต่ละครอบครัวเพื่อลดความเครียดและให้ขวัญกำลังใจ รวมทั้งให้ระวังมิจฉาชีพที่อาจทำทีไปติดต่อว่าจะนำศพกลับไทยได้โดยขอรับเงินจ่ายล่วงหน้าด้วย
ด้าน นางสาวอรัชพร แซ่จ๊ะ อายุ 34 ปี นายดัว กล่าวว่าสามมีของตนได้เดินทางไปทำงานยังประเทศอิสราเอล กับเพื่อนในหมู่บ้านอีกหลายคน ซึ่งได้สมัครไปทำงานกับสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงราย โดยไปทำงานประเภทเกษตรกรรม ปลูกผักผลไม้และเลี้ยงสัตว์ประเภทวัว มีสัญญาจ้างงาน 5 ปี ซึ่งกำลังทำงานมาได้ประมาณ 2 ปีกับอีก 6 เดือน ก็มาเกิดเหตุ ทีแรกที่คิดว่าสามีปลอดภัยเพราะก่อนเกิดเหตุก็ยังพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์อยู่ ซึ่งสามีแจ้งว่ามีเหตุปะทะกันแต่พวกตนปลอดภัยดี แต่หลังจากวันนั้นก็ไม่สามารถติตต่อได้ มีการแชร์รูปภาพผุ้เสียชีวิตมาซึ่งเสื้อผ้าและรูปร่างคล้ายสามีมาก แต่เมื่อตรวจสอบภาพดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนพบว่าไม่ใช่แต่เป็นแรงงานทางภาคสีสาน จึงประสานเพื่อนร่วมงานสามีที่หลบหนีมาได้ปลอดภัยช่วยตรวจสอบอีกแรง ก็แจ้งว่าสามีได้เสียชีวิตจากเหตุยิงถล่มและเผา แต่ไม่สามารถบันทึกภาพออกมาได้ และศพยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ไม่มีใครสามารถนำออกมาได้เพราะยังมีการปะทะกันอยู่ พอทราบข่าวเช่นนี้รู้สึกเสียใจมาก เพราะสามีเป้นเสาหลักของครอบครัวเพียงคนเดียว เมื่อขาดไปครอบครัวจะลำบากมากเพราะมีลูกถึง 3 คน ซึ่งก้อยากให้ทางภาครัฐเร่งตรวจสอบว่าสามีเสียชีวิตจริงหรือไม่ หากจริงก็อยากใเห้เร่งนำศพของสามีกลับมายังบ้านเกิดเพื่อจะได้เห็นหน้าเป็นครั้งสุดท้ายและบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และอยากให้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย
นางอารีย์ อายุ 24 ปี ภรรยาของนายสมชาย กล่าวด้วยทั้งน้ำตาว่าได้คุยโทรศัพท์กับสามีครั้งสุดท้ายในวันเกิดเหตุโดยเขาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะหลบอยู่ในห้องนอน จากนั้นมีเสียงปืนและระเบิดดังสนั่นก่อนที่สายจะหลุดไป อีกวันเพื่อนคนงานแจ้งว่ามีผู้รอดชีวิต 11 คน เสียชีวิตในคอกวัว 3 คนซึ่งระบุชื่อได้และถูกไฟคลอกเหลือแต่กระดูก 5 คน อีกส่วนหนึ่งประมาณ 4 คน ถูกจับไป ตนจึงภาวนาว่าขอให้สามีเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่เสียชีวิตแต่ความหวังเหลือน้อยลงเพราะช่วงที่มีการยิงถล่มเป็นเวลาท้องถิ่นอิสราเอลประมาณ 10.00 น.ซึ่งเป็นช่วงที่สายโทรศัพท์ของสามีหลุดไปพอดี ทั้งนี้ตนกับสามีมีบุตรด้วยกัน 2 คน ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันแต่ได้พูดคุยวางแผนไว้ว่าหากสามีกกลับจากอิสราเอลจะดำเนินการจดทะเบียนให้เรียบร้อยแต่สามีก็มาเสียชีวิตลงเสียก่อน