เจ้าของไอเดียมีดเลาะตาสับปะรดโวยถูกแจ้งข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์
นาย เรวัฒน์ เรือนสังข์ เจ้าของไอเดียมีดเลาะตาสับปะรด บ้านเลขที่ 138 ม.7 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมกับนาย ร.ต.อ.ไพชยนต์ ดอนลาว (คนจุดประกายทำมีดเลาะตาสับปะรด) ตร.สภ.เมืองเชียงราย ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกยื่นโนติสว่าได้ละเมิดลิขสิทธิ์มีดมีดเลาะตาสับปะรดจากผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ที่อยู่จังหวัดยะลา พร้อมเรียกร้องค่าละเมิดสิทธิบัตร 50,000 บาท แถมขู่ว่าถ้าไปต่อสู้ในชั้นศาลจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านี้ทำให้ตนเองต้องออกมาต่อสู้ในเรื่องนี้โดย
ร.ต.อ.ไพชยนต์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงปี 2553 ตนได้สั่งซื้อสับปะรดพร้อมรับประทานเป็นเงิน 500 บาท จากนายเรวัตเพื่อนำไปแจกในงาน โดยนัดมารับอีกสองวัน โดยในระหว่างนั้นได้เห็นนายเรวัฒน์กำลังปลอกสับปะรดพบว่าดูยุ่งยากและใช้เวลานานและอาจไม่ทันวันงาน จึงแนะนำให้นายเรวัฒน์หาวิธีทำเพื่อที่ง่ายต่อการปลอกและเกิดความรวดเร็ว อีกทั้งโรงงานที่ไม่มีเครื่องจักรสำหรับปลอกสับปะรด ก็จะได้ใช้อีกด้วย ต่อมาพบว่านายเรวัฒน์ สามารถคิดค้นดัดแปลงมีดเลาะสับปะรดจากการช้อนทำให้ปลอกสับปะรดทันวันงาน สร้างความประหลาดใจให้กับตนมากเพราะการปลอกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เนื้อสับปะรดเยอะ จากนั้นคนในชุมชนก็ทำตามเรื่อยมา จนกระทั้งมีผู้ทำมีดเลาะตาสับปะรดนำไปจำหน่ายซึ่งขณะนั้นมีประมาณ 7 ราย ก่อนได้รับความนิยมมีการจำหน่ายไปทั่วประเทศ และโพสต์ขายทางออนไลน์อีกด้วย
นายเรวัฒน์ ผู้ริเริ่มมีดเลาะตาสับปะรด รายแรก กล่าวว่าเคยไปขอจดสิทธิบัตรเมื่อ 2553 แต่ทางเจ้าหน้าที่พาณิชย์จังหวัดเชียงราย แนะนำว่าหากมีการจดสิทธิบัตรต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก และอุปกรณ์ที่นำมาทำมีดเลาะตาสับปะรดก็ดัดแปลงมาช้อน ซึ่งเป็นของใช้ในครัวเรือน ทุกคนก็สามารถใช้ได้ นายเรวัฒน์จึงหยุดความคิดนั้นไว้แต่ยังคงทำมีดเลาะตาสับปะรดเพื่อนำไปใช้เรื่อยมา ต่อมาในปี 2559 พบว่าคนในชุมชนใกล้เคียงได้พยายามไปจดสิทธิบัตร แต่มีคนในชุนชนที่ทำขายมาก่อนหน้านั้นไม่ยินยอมและได้ไปร้องคัดค้านไว้ ทำให้คนนั้นยอมถอยและยกเลิกการจดสิทธิบัตรไป
กระทั่งประมาณเดือน มี.ค. 65 หรือ 15 เดือน ที่ผ่านมา กลับพบว่าสิทธิบัตรมีดเลาะตาสับปะรดไปโผล่ที่ จ.ยะลา และผู้ถือครองสิทธิบัตรได้ไล่ยื่นฟ้องผู้ที่ทำมีดเลาะตาสับปะรดเกือบทุกรายในชุมชน ก่อนที่ผู้จดสิทธิบัตรได้ไปเห็นเพจของลูกชายนายเรวัฒน์ทีโพสต์ขายมีดเลาะตาสับปะรด ทางออนไลน์ ให้นายเรวัฒน์และครอบครัวถูกยื่นโนติสมาจากจังหวัดยะลา เรียกค่าละเมิดสิทธิบัตร 50,000 บาท โดยขู่ว่าถ้าไปต่อสู้ในชั้นศาลจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านี้ และยังมีอีกหลายรายที่ถูกยื่นโนติสเช่นกันแต่ได้ยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการถูกฟ้อง ซึ่งลูกของนายเรวัฒน์ ไม่ยินยอมและจะขอต่อสู้คดีในชั้นศาล กระทั่งศาลได้ตัดสินเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ให้ยกฟ้อง แต่ทางลูกชายนายเรวัฒน์ ต้องรอดูว่าอีกฝ่ายจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งหลังจากนั้นจะได้ไปขอยื่นถอดถอน เพื่อจะให้มีดเลาะตาสับปะรดดัดแปลงจากช้อนเป็นของชาวชุมชน ต.บ้านดู่ และนางแล เพื่อใช้ประกอบทำมาาชีพต่อไป
ซึ่งนายเรวัฒน์ อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์และเป็นแนวคิดกับผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นว่า ควรจะไปจดสิทธิบัตรไว้ก่อน หากพลาดจะถูกยื่นโนติสเรียกร้องค่าลิขสิทธิ์อย่างที่หลายๆคนเจอ