อึ้งโรงพยาบาลจ่ายยาสระผม แทนยาแก้ไอ
วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ผู้ใช้เฟรสบุ๊ค รายหนึ่งได้โพสข้อความ “เดียวนี้บุคคลากรในโรงพยาบาลเขาทำงานกันแบบนี้หรือ จ่ายยาให้คนป่วย หน้าซองยา #ยาแก้ไอมะขามป้อม #ในซองยาเป็นแชมพู ให้ระวังการใช้ยากันด้วย ไม่ใช่แต่ซองยาบอกว่าเป็นยาแก้ไอ ที่ใส่มาให้อาจจะไม่ได้รักษาเราก็ได้ #ทำไมตอนจ่ายยาไม่ดูยาก่อนให้คนป่วย #ใช่ยาของผู้ป่วยรึไม่ #เภสัชจ่ายยาจากหน้าซองไม่รู้เลยว่ามันคือแซมพู “ จากนั้นมีการนำภาพขวดยา ที่ระบุข้อความตัวหนังสือสีแดง เป็นภาษาอังกฤษ TAR CHAMPOO ยาใช้ภายนอกห้ามรับประทาน
จากนั้น ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นทั้ง โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ อ่านด้วยครับ , แชมพูไปอยู่ห้องยาได้ไงก่อน , ตอนจ่ายยาคงแต่มัวคุยเมาส์มอยไปเรื่อย เลยไม่ได้ดูว่าให้ยาผิดหรือถูกอ่ะเนาะ , แย้เลยคนที่ไม่รู้มิกินแชมพูเข้าไปรึคนไข้ก็มิตายก่อนวัยอันควรรึคะ , อันตรายนะคะ ถ้าเค้าอ่านหนังสือไม่ออกหลงกินเข้าไปแย่เลย , แปลกมากที่หลุดมาได้ ปกติตอนไปรับยาเภสัชจะต้องดูยาทุกครั้งก่อนยื่นให้คนไข้และอธิบายวิธีกินยา ไปร้องเรียนเอาเลยค่ะ วันที่เวลาหน้าซองมีบอกโรงบาลตรวจสอบได้จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา , โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ = โรงพยาบาลฆ่าสัตว์ , สมงสมองไปหมด , โหววว..ทำไปทั่ว , แบบนี้จะกล้ากินไหม , ตายแล้ววววว ถ้าเป็นคนแก่ตาไม่ดีจะทำยังไง เป็นต้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ ทำให้ทราบชื่อคือ พระคมสันต์ จารีย์กุล อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นลูก โดยผู้โพสต์ระบุ ผู้ป่วยที่ไปรับยามาจากโรงพยาบาล คือ นางสคราญ ปั้นโฉม อายุ 66 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ถ.บูรกรรมโกวิท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ผู้เป็นแม่ ซึ่งปกติ ผู้เป็นแม่จะไปโรงพยาบาล เพื่อรับยาแก้ไอ มารับประทานตลอด แต่ครั้งนี้กลับได้แชมพู มารับประทาน แทนยาแก้ไอ โชคดี ที่ผู้เป็นแม่ทานไปแค่ช้อนเดียว แล้วสงสัยในรสชาติ จึงบ้วนทิ้ง ที่ตนเองโพสต์เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์ เท่านั้น พร้อมกันนี้ ผู้โพสต์ ได้นำตัวอย่าง ขวดยาแก้ไอ และ ขวดแชมพูสระผม มาเปรียบเทียบให้กับทางผู้สื่อข่าวดู พร้อมทั้งมีการเทน้ำยาทั้ง 2 ชนิด ลงในถ้วยเพื่อทำการเปรียบเทียบ
ในเวลาต่อมา ก็ได้มี นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ จากทางโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เดินทางมาพบกับผู้ป่วยที่บ้าน พร้อมทั้งมีการนำยาแก้ไอ มาเปลี่ยนให้ และมาอธิบายวิธีใช้ยาแก้ไอ พร้อมทั้งมาขอโทษผู้ป่วย พร้อมทั้งญาติ อีกด้วย
จากการสอบถาม นางสคราญ ปั้นโฉม อายุ 66 ปี ผู้ป่วย เล่าว่า ตนเองไปโรงพยาบาล เพราะ ตนเองเป็นหืดหอบเรื้อรัง หมอนัด เคยผ่าตัดลิ้นหัวใจตีบ นัด 3 เดือนบ้าง 4 เดือนบ้าง ตนมาดูก็เห็นว่าเป็นยาทาภายนอก ให้หลานดู ก็บอกเป็นยาแชมพู ตนเองต้องใช้น้ำบ้วนปากเป็นกระแป๋ง ฟองเยอะมาก ตอนทานยา เห็นว่าฝายาสีแปลกไป ก็นึกว่าเขาเปลี่ยนฝาแบบใหม่ ที่ทานเพราะความเคยชิน จากยาที่รับมาไม่เคยผิดพลาด ปกติหมอจะให้ยาแก้ไอมะขามป้อม มารับทาน แต่ครั้งนี้ เขาจ่ายยาที่เขียนหน้าซองว่า ยามะขามป้อม แต่ฉลากในขวดไม่ได้อ่าน เลยทานเข้าไป พอน้ำยาลงคอ ก็รู้สึกว่ายามีรสชาติขม ออกร้อน จึงบ้วนทิ้ง ในใบจ่ายยา ก็ระบุ เป็นยาแก้ไอ ซึ่งตนเองก็รับกลับมาบ้านเป็นประจำ
ด้านพระคมสันต์ จารีย์กุล เผย เราต้องดูที่ตั้งแต่คนจัดยา น่าจะเป็นเภสัช หรือ เจ้าหน้าที่จัดยา น่าจะตรวจดูให้ดีก่อน ตอนผู้ป่วยไปรับยา เภสัชจะต้องบอก แต่อันนี้ เภสัชจ่ายยามาให้ แต่ไม่ได้บอก ส่วนผู้ป่วยก็ด้วยความเชื่อใจ จึงทานเข้าไป ตนเองที่โพสต์เพราะเป็นห่วงทั้งแม่ ทั้งส่วนรวม อยากให้เป็นอุทาหรณ์ คือถ้ามีผู้ป่วยเกิดได้ยาที่กินไปแล้วมันไม่ถูก โรงพยาบาล จะรับผิดชอบไหวมั๊ย ตนเองเป็นพระไม่อยากจะเอาเรื่อง แต่อยากให้ทางโรงพยาบาล รอบครอบกว่านี้
ขณะที่ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองได้รับรายงานว่ามีการจ่ายยาสลับกัน ตนจึงมาตรวจดู ยอมรับว่ายาน้ำมีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงมีการสลับขวดกัน วันนี้ก็ได้ชีแจง และทบทวนว่า คนไข้ที่มาโรงพยาบาล เยอะมากทำให้ซ้ำ วันนี้ทางเภสัชกรรม ก็จะได้มาเชคยา ว่าตัวไหนมันหมดอายุไปแล้ว ตอนนี้ ทางเภสัชกร ได้ทราบแล้ว จะไปทำการแยกประเภท ขวดสี ลักษณะสี โดยปกติ ยาทั่วไป จะมีสติ๊กเกอร์ยาอยู่แล้ว ซึ่งตนจะได้เข้มงวดในการแปะสติ๊กเกอร์ยา การแยกตู้ยาออกจากประเภทยา ออกจากกัน ทางโรงพยาบาลขอขอบคุณทุกท่านพร้อมจะปรับปรุงแก้ไข