สหกรณ์ จ.เชียงราย ส่งเสริมการตลาดพืชหลังนา บริษัทคู่ค้าตกลงซื้อขายในราคายุติธรรม

สหกรณ์ จ.เชียงราย ส่งเสริมการตลาดพืชหลังนา บริษัทคู่ค้าตกลงซื้อขายในราคายุติธรรม

ที่ห้องประชุมสหกรณ์การเกษตรเมืองเชียงราย จํากัด ชั้น 2 นายอาคม  โยริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ เป็นตัวแทนสำนักงานสหกรณ์จังหวัดเชียงราย ในการส่งเสริมการการผลิตและการตลาดพืชหลังนา ปี 2565/2566 ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์   มีนายขุนศรี ทองย้อย ผู้แทนบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โปรดิวส์ จำกัด ใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร มี ตัวแทนจาก 5 สหกรณ์การเกษตร ร่วมรับฟังการชี้แจงรายละเอียดการรับซื้อผลผลิตตามโครงการดังกล่าว

นายอาคม  โยริยะ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ กล่าวว่า การส่งเสริมการผลิตและการตลาดพืชหลังนา ปี 2565/2566 เป็นนโยบายของกระทรวงและกรมส่งเสริมสหกรณ์ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพและ สร้างรายได้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ ส่งเสริมการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยใช้กลไกของสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนโครงการซึ่งกําหนดระยะเวลาของโครงการไว้ 3 ปี ตามเป้าหมายพื้นที่เพาะปลูก 200,000 ไร่ โดยในปีแรกจะเป็นการส่งเสริมอาชีพการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ชี้แจง ผ่านระบบ Vedeo Conference เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ๒๕๖๕ ไปแล้ว

ในส่วนจังหวัดเชียงรายมีสหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดในปีนี้จำนวน 5 สหกรณ์ พื้นที่ประมาณ 5,000 ไร่ ซึ่งจะได้ดำเนินการหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง ประมาณเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งที่ผ่านมาทางกรมได้ประสานกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โปรดิวส์ จำกัด ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรทุกเม็ด ซึ่งจะต้องให้สหกรณ์ได้ทำบันทึกข้อตกลงหรือสัญญา เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการรับซื้อ ต้นทุนการผลิต ปัจจัยด้านการผลิตและอื่น ๆ ที่เป็นการเห็นชอบของผู้ซื้อและผู้ขาย(สหกรณ์)  ซึ่งในส่วนของสหกรณ์จังหวัดเชียงรายโดยท่านหัวหน้าสหกรณ์จังหวัดมีนโยบายที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของกรม โดยในปีต่อไปอาจเป็นพืชตัวอื่นเช่นถั่วเหลือง ทั้งนี้ก็ต้องเป็นไปตามบริษัทรับซื้อที่จะประสานกับสหกรณ์โดยตรง ขอฝากถึงเกษตรกรที่ไม่ใช่สมาชิกสหกรณ์การเกษตรท่านสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ก็ให้ท่านสมัครเข้าร่วมกับสหกรณ์การเกษตรในพื้นที่เป็นสมาชิกโดยตรงหรือสมาชิกสมทบท่านก็สมารถเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการการผลิตและการตลาดพืชหลังนา ได้

นายธรรมศักดิ์ ทองกระจาย นักบริหารธุรกิจเกษตรฟาร์มโปรครบวงจร  จ.เชียงราย ในนามบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โปรดิวส์ จำกัด กล่าวว่า   ในส่วนโครงการพืชหลังนา ก็คือโครงการส่งเสริมการผลิดและการตลาด พืชฤดูแล้ง โดยทางเราได้โฟกัสไปในส่วนของพืชทดแทนนาปลัง เพราะในส่วนของพืชนาปลังเป็นพืชที่ใช้น้ำมากและราคาข้าวไม่แน่นอน ก็เป็นโครงการที่ร่วมกันระหว่างหน่วยงานราชการ ทางภาครัฐและเอกชนที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งโปรเจคนี้เพิ่งจะเริ่ม สองสามปีที่ผ่านมา เกษตรกรเองก็มีความรู้ความเข้าใจ และแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในส่วนของข้าวโพด นอกจากพืชข้าวโพดแล้วก็จะมีพืชอื่น ๆ ที่ทางบริษัทเองเนี่ยพร้อมที่จะส่งเสริม อย่างที่ทางเกษตรจังหวัดได้ให้ข้อมูลไปเบื้องต้น ก็คือ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ทางบริษัทเองก็อยู่ในช่วงของการศึกษา เพื่อที่จะทำเป็นโครงการคล้องจอง โดยที่ในส่วนนี้ทางบริษัทได้รับการประสานงานมาในส่วนของจังหวัดเชียงราย บริษัทเองก็เริ่มร่วมงานกันกับทางหลายๆสหกรณ์ในจังหวัดเชียงราย ในช่วง 2-3 ปี ก็มีพื้นที่ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

เกษตรกรเองมีความเข้าใจและมีความกล้ามากขึ้น และต้องยอมรับว่าในช่วงแรก ๆ ไม่ง่าย เพราะว่าการจะปรับเปลี่ยนเกษตรกรที่จากกลุ่มพืชที่คุ้นเคยเดิมมาเป็นพืชตัวใหม่ ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือและประการณ์เนี่ยในช่วงแรก ๆ ก็ล้มลุกคลุกคลานพอสมควร แต่ตอนนี้เชื่อว่าทางเกษตรกรเองเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ข้าวโพดตอนนี้ราคาค่อนข้างจูงใจ บริษัทก็เล็งเห็นว่าการส่งเสริมปลูกข้าวโพดทดแทนนาปลังก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ

The peasantry pile of corn after hravest from field.

เป้าหมายในปีนี้ในส่วนของจังหวัดเชียงรายเองในภาพรวม มีเป้าหมายอยู่ 20,000 ไร่ เฉพาะในฤดูแล้งทดแทนนาปลังน่าจะ 5,000 ไร่ ผู้ร่วมโครงการถ้าคิดจากเป้าหมาย 5,000 ไร่ พื้นที่ถือครองเฉลี่ยในภาคเหนืออยู่ที่ประมาณ 5-10 ไร่ ต่อราย ก็คิดว่ามีเกษตรกรที่ร่วมโครงการประมาณ 500 – 700 ราย

นายวิวัฒน์ หน่อห้าว ผู้จัดการสหกรณ์กา

รเกษตรหงาวตับเต่า จำกัด กล่าวว่า ทางสหกรณ์การเกษตรหงาวตับเต่า จำกัด ได้ร่วมงานกับบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โปรดิวส์ จำกัด มา5-6 ปี ตามโครงการส่งเสริมการการผลิตและการตลาดพืชหลังนา ซึ่งเกิดผลดีกับสมาชิกของสหกรณ์เนื่องจากบริษัทจะเข้าช่วยเหลือในเรื่องของปัจจัยการผลิด เช่นเครื่องมือ  ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ สิ่งสำคัญในเรื่องการทำคุณภาพของผลิตผลิตและการตลาด นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องราคาที่จะเพิ่มให้กับเกษตรกรหากทำคุณภาพสินค้าตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้ราคาสูงกว่าท้องตลาดทั่วไป 25-50 สตางค์ต่อกิโลกรัม ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 1,500-2,000 บาทต่อไร่ทีเดียว ทำให้สมาชิกเกิดความสนใจเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ……..