รอบรั้วเชียงราย » อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ดันโมเดล หับเผยฯ เรือนจำกลางเชียงราย ลดสถิติทำผิดซ้ำปีละ10%

อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ดันโมเดล หับเผยฯ เรือนจำกลางเชียงราย ลดสถิติทำผิดซ้ำปีละ10%

8 กรกฎาคม 2024
7744   0

อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ดันโมเดล หับเผยฯ เรือนจำกลางเชียงราย ลดสถิติทำผิดซ้ำปีละ10%


วันนี้ (8 ก.ค.) ที่ร้านหับเผยคาเฟ่ by กลางเชียงราย เรือนจำกลางเชียงราย ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ เป็นประธานในพิธีเปิดร้านหับเผยคาเฟ่ by กลางเชียงราย อย่างเป็นทางการหลังจากที่ร้านดังกล่าวเริ่มเปิดมาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2567 ที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.ทุกวัน โดยมีบริการกาแฟรสดีจากดอยช้างและชาเลิศรสใน จ.เชียงราย รวมทั้งมีบริการล้างรถหรือคาร์แคร์ ร้านจำหน่ายสินค้าจากฝีมือผู้ต้องโทษในราคาที่ย่อมเยาว์ ฯลฯ โดยมีผู้ต้องขังระดับชั้นกลางขึ้นไปหรือคงเหลือโทษจำคุกอีกไม่เกิน 3-5 ปี ทั้งผู้ต้องขังชายและหญิงเป็นผู้คอยให้บริการ โดยมีนายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงรายนำเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมครบครัน

นายสหการณ์ กล่าวว่าย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทางกรมราชฑัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม พยายามปรับเปลี่ยนแนวนโยบายในการควบคุมผู้ต้องชัง หลังจากที่คนทั่วไปมักจะมองว่าเรือนเป็นสถานที่ที่ไม่น่าอภิรมย์หรือน่ากลัว ทางกรมราชฑัณฑ์ก็พยายามสื่อสารไปถึงผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไปได้เห็นคุณค่าของเลข 13 หลักในบัตรประจำตัวประชาชนว่ายังคงเป็นคนที่มีคุณค่าได้โดยสามารถเข้ารับการฝึกอบรมอาชีพ และรายได้จากอาชีพที่ทำก็จะแบ่งให้ผู้ต้องขัง 70% ให้เจ้าหน้าที่ 10% และอีก 20% ใช้เป็นต้นทุนหมุนเวียน ทำให้พวกเขาจะได้ทั้งทักษะวิชาชีพและรายได้ระหว่างต้องโทษ เมื่อยังต้องโทษก็จะมีสภาพความเป็นอู่ที่ดี เมื่อพ้นโทษออกไปก็จะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ไม่เฉพาะร้านกาแฟแต่ยังมีอื่นๆ อีกหลากหลายซึ่งสามารถนำไปประกอบอาชีพได้จริง เช่น ตัดผม ทำอาหาร ประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ของใช้ของฝากต่าง ฯลฯ

“สิ่งสำคัญคือสังคมยังให้โอกาสต่อเขา ถ้าสังคมไม่ให้โอกาส คนเหล่านี้ก็จะไม่มีที่ยืน ครั้งนี้จึงเป็นความสำเร็จของเรือนจำกลางเชียงรายที่จะทำให้สังคมได้เห็นศักยภาพและความสามารถของพวกเขาว่าพร้อมที่จะกลับสู่สังคมด้วยอาชีพที่สุจริต ด้วยคุณค่าของพลเมืองที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้อีกมากมาย” นายสหการณ์ กล่าวและว่าปัจจุบันมีผู้ต้องขังทั่วประเทศประมาณ 300,0000 คน และมีแนวโน้มว่าสังคมให้การยอมรับผู้ที่พ้นโทษออกไปมากขึ้น โดยเมื่อเปรียบเทียบกับอดีตแล้วพบว่ามีผู้ออกไปทำงานอยู่กับภาคอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ หรือมแแต่เปิดกิจการเอง ทำงานด้านศิลปะ ภาคการเกษตร ฯลฯ มากขึ้น ดังนั้นกรมราชฑัณฑ์จึงมีนโยบายให้ยกระดับสร้างอาชีพให้ผู้ต้องราชฑัณฑ์ให้ได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่รับผิดชอบทั่วประเทศต่อไป

อธิบดีกรมราชฑัณฑ์กล่าวถึงผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกไปแล้วแต่กระทำความผิดซ้ำจึงกลับไปถูกคุมขังในเรือนจำอีกว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายและทางกรมราชฑัณฑ์มีแนวทางที่จะลดจำนวนลงให้ได้

“สำหรับเรื่องของการกระทำความผิดซ้ำแล้วกลับเข้ามาอีกนั้น ผมคิดว่าเป็นที่เรื่องท้าทายต่อกรมราชฑัณฑ์ ยังเป็นการท้าทายต่อเรือนจำเนื่องจากว่าสถิติการกลับมาเนี่ยทางกรมราชทัณฑ์มีเป้าหมายให้จำนวนกระะทำผิดซ้ำกลับเข้าเรือนจำลดลงปีละะ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ 2 ปีก็ 20 เปอร์เซ็นต์ 3 ปีก็ 30 เปอร์เซ็นต์ต้นๆ ก็ถือเป็นตัวเลขที่เขาเรียกว่าอยู่ในระดับนี้มาตลอด ไม่ได้เพิ่มสูงมากกว่านี้ แต่สิ่งสำคัญคือมันเป็นความท้าทายว่าเราจะทำยังไงให้สถิติตรงนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง” นายสหการณ์ กล่าวและว่า

อธิบดีกรมราชฑัณฑ์ กล่าวว่าสิ่งท้าทายที่จะต้องดำเนินการคือต้องสร้างงาน สร้างอาชีพ และให้การศึกษากับผู้ต้องขัง โดยการศึกษาช่วยลดความเหลื่อมล้ำและเป็นช่องทางในการสร้างอาชีพได้ ขณะที่ผู้ต้องขังส่วนใหญ่มีตั้งแต่ไม่มีการศึกษาเลย หรือไม่จบการศึกษาภาคบังคับ ไม่จบระดับมัธยมปลายหรือ ปวช.ฯลฯ จึงจะต้องลดการเสียโอกาสโดยให้เข้าสู่การศึกษาทั้งสายสามัญและสายอาชีพ ซึ่งตนเชื่อมั่ว่าถ้าเราทำได้ดีและผู้ต้องขังมีความพร้อมก็จะลดสถิติการกลับสู่เรือนจำลงได้อย่างแน่นอน เนื่องจากมีอาชีพแล้วสามารถหาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้.