ตะลุยข่าว » ประชาสัมพันธ์-เศรษฐกิจ » ชาวเชียงรายร่วมวันระลึก 105 ปี หมอบริกส์

ชาวเชียงรายร่วมวันระลึก 105 ปี หมอบริกส์

23 กุมภาพันธ์ 2024
5866   0

ชาวเชียงรายร่วมวันระลึก 105 ปี หมอบริกส์

วันนี้(23 กุมภาพันธ์ 67) เวลา 16.00 น. ณ บริเวณลานบ้านแห่งความทรงจำ โรงพยาบาล โอเวอร์บรู๊ค ตั้งอยู่ 17 ถนนสิงหไคล ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย นายพุฒพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานวันระลึก 105 ปี หมอบริกส์ มี ศจ.ดร.ศิริรัตน์ ปุสุรินทร์คำ ผู้นำคริสเตียน พร้อมด้วย นพ.ณัฐชัย เครือจักร รักษาการผู้อำนวยการและผู้จัดการโรงพยาบาลโอเวอร์บรุ๊ค ส่วนราชการในจังหวัด ภาคเอกชน ประชาชน แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาล โอเวอร์บรู๊ค ให้การต้อนรับ

ศจ.ดร.ศิริรัตน์ ปุสุรินทร์คำ ผู้นำคริสเตียน กล่าวว่า นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ บริกส์ ผู้มีคุณูปการต่อชาวเชียงราย ท่านได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1919 รวม 105 ปี นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ บริกส์ เริ่มเข้ามาปฏิบัติงานในจังหวัดเชียงรายนั้น เป็นสมัยที่ตัวเมืองกำลังเริ่มก่อสร้าง ปรับปรุงพื้นที่อาศัยของประชาชน หรือที่เรียกว่า “การพัฒนาท้องถิ่น” ในครั้งนั้นมีพระยาอุตรกิจ เป็นผู้ว่าราชการและมีเจ้าหลวงเมืองเชียงรายคือ เจ้าหลวงเมืองใจ (พระยารัตนาณาเขต) นอกเหนือจากภาระในการก่อสร้างสถานพยาบาลต่าง ๆ แล้ว หมอบริกส์ยังได้ให้ความสนใจกับท้องถิ่นเชียงรายอีกด้วย ท่านได้สร้างตึกหอพักนักเรียนชาย โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม ชื่อเดิมในสมัยนั้น คือ โรงเรียนคริสเตียนวิทยาคม และโรงเรียนหญิง คือ โรงเรียนสตรีวิชาคาร ซึ่งเวลานั้นโรงเรียนชายหญิงได้แยกกัน ต่อมาภายหลังได้รวมกันเป็นสหศึกษาในยุคที่อาจารย์อมร ดวงเนตร เป็นอาจารย์ใหญ่ นอกจากหมอบริกส์ จะเป็นหมอรักษาโรคและหมอฟันแล้ว ท่านยังมีความรู้ในด้านก่อสร้าง เป็นนักการเมือง นักศึกษาและนักดนตรีอีกด้วย

หมอบริกส์ยังเป็นนักสอนศาสนาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและอ่อนไหวอยู่ในตัว ข้อความในคำเทศนา สาระสำคัญแห่งบทเทศน์ที่หมอบริกส์ชอบมากที่สุดคือ “การเสียสละ” โดยท่านได้ยกเรื่องที่พระเยซูเจ้าทรงสละพระชนม์ ยอมให้เขาตรึงไม้กางเขนเพื่อสละโลหิตชำระล้างกิเลสบาปของมนุษย์โลก เป็นหัวข้อเทศนา หมอบริกส์ท่านเป็นคนโกธรง่ายหายเร็ว บางครั้งท่านมีท่าทางขึงขันดุดัน ทว่าบางครั้งท่านก็เป็นคนอ่อนหวานเป็นสุภาพบุรุษตามแบบฉบับของคนอังกฤษ ด้วยบุคลิกที่สวมแว่นตาขอบทอง นัยตาลุกวาวเป็นประกายและมองจ้องหน้าเขม็งเพื่อพูดกับใคร ๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ชาวเชียงรายสมัยนั้นจึงให้สมญาท่านว่าเป็น “พ่อเลี้ยงตาดุ” ช่วงเวลาพักผ่อน หมอบริกส์จะชอบเล่นเทนนิส ท่านได้สร้างสนามเทนนิสขึ้นเป็นแห่งแรกในเชียงรายที่บริเวณบ้านพักริมน้ำแม่กก

โรงเรียนชายที่สร้างเป็นแห่งแรกชื่อว่า “โรงเรียนบริกส์อนุสรณ์” และสร้างตึกอีกหลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันเรียกว่า “หอสวัสดี” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “เคเนดี้” ให้เป็นห้องประชุม นอกจากนั้นท่านยังได้สร้างที่พักมิชชั่นนารี ที่เรียกว่า “ตึกใต้” เช่น บ้านพักที่มิชชั่นนารี O.M.F. อาศัยอยู่ในปัจจุบัน บ้านพักผู้จัดการไร่ยาสูบ และที่ทำการภาคที่ 2 โบสถ์คริตสจักรที่ 1 เมื่อปี ค.ศ.1914 หมอบริกส์ ยังเป็นนายช่างออกแบบก่อสร้างสถานที่ราชการอื่น ๆ อีกหลายแห่ง เช่น ศาลากลางจังหวัด จวนผู้ว่าราชการและเรือนจำ นอกจากนั้นท่านยังได้ร่วมมือกับผู้ว่าราชการและเจ้าเมืองเชียงรายออกแบบวางผังเมือง ดำเนินการรื้อกำแพงเมืองเก่า ตัดถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาล จนมีชื่อถนนสายหนึ่งสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แก่ท่านชื่อ “ถนนบริกส์แพทย์”

เมื่อครั้งเกิดกบฏโจรเงี้ยว เข้ามาปล้นเมืองเชียงราย หมอบริกส์ได้ชักธงอังกฤษผืนใหญ่ขึ้นไว้ที่บ้านเป็นสัญญาณให้โจรเงี้ยวทราบว่าที่นี่เป็นเมืองอังกฤษที่ปกครองพวกเงี้ยวอยู่ทำให้พวกโจรเหล่านั้นไม่กล้ายิงเข้ามา หลังจากทางการได้ปราบกบฏเงี้ยวจนบ้านเมืองสงบ ทางกรุงเทพฯ จึงได้ส่งกองทหารขึ้นมาตั้งฐานที่มั่นที่จังหวัดเชียงรายเป็นครั้งแรก โดยมีการตั้งฐานอยู่บนเนินเขาทุกลูกตั้งแต่ข้างบ้านหมอบริกส์ไปจนถึงดอยทอง จากนั้นทางกรมทหารจึงได้เชิญหมอบริกส์ ร่วมเป็นนายแพทย์ประจำกรมทหารที่เชียงราย ในยศนายร้อยเอก

ต่อมาท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นกงสุลอังกฤษประจำเมืองเชียงราย ในปี ค.ศ.1894 (พ.ศ.2437) นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ.บริกส์ ได้เปิดที่ทำการบำบัดโรคขึ้นที่จังหวัดแพร่เป็นคนแรก กิจการได้เจริญขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งได้กลายเป็นโรงพยาบาลแพร่คริสเตียนในปัจจุบัน ระหว่างปี ค.ศ.1913 – 1914 (พ.ศ.2456 – 2457) เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น หมอบริกส์ได้ส่งครอบครัวกลับไปสหรัฐอเมริกาส่วนตัวของท่านยังคงพำนักอยู่ที่เชียงราย

ต่อมาทราบว่าลูกชายคนโตชื่อ แอลเบิต บริกส์ ซึ่งเป็นนายทหารได้เสียชีวิตในสนามรบ ข่าวอันน่าสลดทำให้หมอบริกส์มีอาการโศกเศร้า ซึ่งขณะนั้นท่านมีโรคประจำตัวอยู่ก่อน เมื่อท่านเกษียณราชการลงจึงได้เดินทางกลับไปพักผ่อน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกาอันเป็นถิ่นฐานกำเนิดของท่าน

นายแพทยวิลเลี่ยม เอ บริกส์ หรือ หมอบริกส์นับเป็นผู้มีคุณูปการต่อวงการแพทย์ของประเทศและจังหวัดเชียงราย เป็นผู้หนึ่งซึ่งเป็นที่รักของประชาชนชาวเชียงรายในอดีต นับถึงวันนี้ 105 ปี เป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทอย่างสูงต่อการวางรากฐานทั้งการเมือง สังคม ศาสนาและการแพทย์ซึ่งจังหวัดเชียงราย ไม่เคยลืมท่านเลย

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า มิชชั่นนารีที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อจังหวัดเชียงรายเและคนเชียงรายนั้นคือศาสตราจารย์นายแพทย์วิลเลี่ยม เอ บริกส์ หรือ “หมอบริกส์” ผู้สร้าง โรงพยาบาล โอเวอร์บรู๊ค โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม ก่อวสร้างศาลากลางจังหวัดเชียงราย ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข ก่อสร้างเรือนจำและจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย โดยขณะนี้จังหวัดเชียงรายหลังเก่าซึ่งในขณะนี้กำลังดำเนินการอนุรักษ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเพื่อให้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงรายที่จะให้เยาวชนและคนเชียงรายได้ลำรึกถึงพระคุณของคุณหมอบริกส์และได้ทราบประวัติความเป็นมาของจังหวัดเชียงรายรวมถึงการปกครองของจังหวัดเชียงราย ในโอกาสนี้จึงขอเชิญทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองจวนผู้ว่าจังหวัดเชียงรายหลังเก่าเดือน กรกฏาคม 2567 ที่ดำเนินการแล้วเสร็จ คุณหมอบริกส์ เสียสละความสุขส่วนตัวในประเทศบ้านเกิดที่มีความเจริญ เสียสละความรู้ความสามารถที่จะพัฒนาบ้านเมืองของตนเอง เพื่อมาช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ท่านได้ทิ้งศักดิ์ศรีเกียรติยศที่จะได้รับจากประเทศของตนมาอยู่ในประเทศ ชุมชนที่มีความเป็นอยู่อย่างลำบากในขณะนั้น ไม่มีเหตุผลใดยิ่งใยมากกว่าคำว่า “ความรักและเสียสละ” ผ่านความเชื่อของท่านโดยมีพระเยซูคริสเป็นต้นแบบ คุณูปการที่คุณหมอบริกส์ มีต่อชาวเชียงรายยิ่งคือการรักษา หากวันนั้นไม่มีคุณหมอบริกส์วันนี้อาจจะไม่มีสถานที่ที่ตั้งจังหวัดเชียงรายอยู่ตรงนี้ โดยในยุคนั้นมีการระบาดของไข้มาลาเรีย ซึ่งในสมัยนั้นชาวเชียงรายยังไม่รู้จักโรคนี้ คุณหมอได้ทำการรักษาโดยใช้ยาฝรั่ง ยาสมัยใหม่ในอดีต และท่านได้ชวนพี่น้องชาวเชียงรายขุดลอกคูคลองไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงซึ่งเป็นสาเหตุของการระบาดของไข้มาเลเรียซึ่งเป็นคุณูปการที่คนเชียงรายไม่ควรลืมเพราะเป็นคุณที่ยิ่งใหญ่ที่เราควรลำรึกถึงความกรุณาของท่านที่มีต่อพี่น้องชาวเชียงรายของเรานั้นเอง นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวทิ้งท้าย…..