เอกอัครราชทูตสหรัฐเยือนเชียงรายเน้นย้ำความสัมพันธ์ความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านการศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย และหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ
เมื่อเวลา 16.30 น.วันนี้(31 พฤษภาคม 2566) ณ ห้องดวงใจ ร้านอาหารภูพันธ์ บ้านปางลาว ตำบล บ้านดู่ เมือง เชียงราย นายโรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้แถลงข่าวการเยือนเชียงรายเป็นครั้งแรกในระหว่างวันที่ 30-31 พฤษภาคม 2566 ในโอกาสนี้ได้พบกับเจ้าหน้าที่รัฐและภาคประชาสังคมในจังหวัด เพื่อหารือถึงความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ด้านการศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย และหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ ถือเป้นการตอกน้ำความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ การเยือนเชียงรายครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่สหรัฐฯ มีต่อชุมชนในภาคเหนือของไทย ซึ่งมีความสำคัญและครอบคลุมหลากหลายประเด็นร่วมของสหรัฐฯ กับไทย โดยคุณลิสา บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตโกเดคได้พบกับคุณพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อหารือถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและการปกป้องสิ่งแวดล้อม รวมทั้งได้พบเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของไทยเพื่อหารือถึงความร่วมมือทวิภาคีเพื่อต่อสู้อาชญากรรมข้ามชาติ และตัวแทนภาคประชาสังคมเพื่อหารือถึงประเด็นความยั่งยืนของลุ่มน้ำโขง เอกอัครราชทูตโกเดคยังได้พบกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษา และได้พบกับพลเมืองอเมริกันที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคุณูปการต่าง ๆ ที่ชาวอเมริกันได้สร้างให้กับจังหวัดในภาคเหนือของไทย นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตโกเดคได้เยือนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง และถ้ำหลายแห่งในอุทยานดังกล่าว เพื่อระลึกความกล้าหาญของ 12 สมาชิกทีมฟุตบอลหมูป่าและครูฝึก ตลอดจนบุรุษและสตรีผู้กล้ามากมายที่มีส่วนในภารกิจกู้ภัย
นายโรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาเยือนจังหวัดเชียงราย ผมเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้ เพื่อเน้นย้ำถึงความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทยในภาคเหนือของไทยและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความท้าทายต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของภูมิภาคนี้” ซึ่งหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ สหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับไทย เวียดนาม กัมพูชา และลาว ผ่านกรอบความร่วมมือหุ้นส่วนลุ่มน้ำโขง-สหรัฐฯ เพื่อรับมือความท้าทายระดับภูมิภาค รวมไปถึงการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติ สหรัฐฯ ได้มอบเงินหลายล้านเหรียญในโครงการต่าง ๆ ที่ส่งเสริม ฝึกอบรม และสร้างศักยภาพชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทย โครงการเหล่านี้ฝึกอบรมองค์กรนอกภาครัฐ ให้ความรู้แก่เยาวชนคนหนุ่มสาว และส่งเสริมการสื่อสารระหว่างชุมชนต่าง ๆ ในลุ่มน้ำโขงกับนักวิชาการ หน่วยงานรัฐในท้องถิ่น และผู้นำด้านการเมือง นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังสนับสนุนการวิจัยใหม่ ๆ และการประชุมสัมมนาวิชาการเพื่อช่วยให้ชุมชนไทยเข้าใจความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและหาทางออกด้านนโยบายโดยใช้ข้อมูลได้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ในวันที่ 24 พฤษภาคม สหรัฐฯ และออสเตรเลียเปิดตัวโครงการ Mekong Safeguards ซึ่งมีทุนสนับสนุน 10.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะเสริมสร้างมาตรฐานการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างสหรัฐฯ-ไทย
สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA) ในเชียงใหม่ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของไทยมากกว่า 400 คนทุกปี รวมถึงเจ้าหน้าที่ในจังหวัดเชียงรายด้วย อีกทั้งยังทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทยในการสืบสวนร่วมในทางเหนือของไทย สหรัฐฯ สนับสนุนการฝึกอบรมที่ครอบคลุมและมอบอุปกรณ์เฉพาะให้แก่ภาคีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ดำเนินงานเพื่อสกัดเส้นทางยาเสพติดเข้าประเทศไทยและต่อสู้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สหรัฐฯ กำลังทำงานกับทางการไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยรวมถึงการดำเนินงานผ่านโครงการ Counter Trafficking in Persons (CTIP) มูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐขององค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) นอกจากนี้ สำนักงานกิจการปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ (U.S. Fish and Wildlife Service) ยังทำงานร่วมกับทางการไทยเพื่อต่อสู้กับการค้าสัตว์ป่าและดำเนินคดีกับผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าอีกด้วย ส่วนการแลกเปลี่ยนการศึกษาและวัฒนธรรม สหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและสร้างคุณประโยชน์กับสถาบันการศึกษาในภาคเหนือของไทย เช่น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สหรัฐฯ สนับสนุนโครงการให้ความรู้ภาษาอังกฤษ โดยส่งอาจารย์สอนภาษาอังกฤษไปประจำอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และสนับสนุนโครงการ English Access Micro-scholarship Program สำหรับเยาวชนอายุ 13-15 ปี สหรัฐฯ สร้างศักยภาพให้แก่เยาวชนคนหนุ่มสาวเพื่อสร้างทักษะใหม่ ๆ ผ่านภาพยนตร์สั้น การเล่าเรื่อง และโครงการสื่อผสมต่าง ๆ มากมาย โดยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังเกิดขึ้นในภูมิภาค เช่น โครงการ Tale of Two Rivers ซึ่งจัดให้มีกิจกรรมที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และที่กรุงเทพมหานคร ได้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ แม่น้ำโขงและแม่น้ำมิสซิสซิปปี นายโรเบิร์ต โกเดค กล่าวทิ้งท้าย
